สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (27 มกราคม 2565 ) -----------WPH ตั้งเป้าหมายปี65 รายได้จาก Non-Covid เติบโต 30-40% หวังลูกค้าชาวต่างชาติทยอยกลับเข้ามาในปีนี้ พร้อมเล็งเปิดรพ.แห่งที่4

นายเชน เหล่าสุนทร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง จำกัด (มหาชน) หรือ WPH เปิดเผยว่า โรงพยาบาลคาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี65 จะมีรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับโควิด (Non-Covid) เติบโต 30-40% จากปีก่อน ภายหลังการรับรู้รายได้จากชาวต่างชาติที่เริ่มทยอยกลับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศและเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งคาดว่าจะเห็นผลชัดเจนในปีนี้

นอกจากนี้คาดว่าจะรับรู้รายได้เพิ่มเติมในส่วนของการรักษาเฉพาะทาง และรายได้ที่มาจาก ตึกอาคาร Wellness ที่รองรับผู้ที่ไม่ได้ป่วยโดยเฉพาะ เช่นการทำฟัน การทำกายภาพ เสริมความงามและตรวจสุขภาพ ซึ่งจะทำให้ผู้เข้ามารับบริการไม่ต้องมาปะปนก้บผู้ป่วย โดยมีผู้เข้ามาใช้บริการมากกว่า 100 คน/วัน โดยปีนี้จะมีการเปิดบริการด้านความงามเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มรายได้และตอบสนองความต้องการของลูกค้า

สำหรับผลประกอบการในช่วง 9 เดือนแรกปี64 โรงพยาบาลทำรายได้รวมราว 930 ล้านบาท กำไร 40ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน ซึ่งจุดเด่นของรายได้ทุกปีจะเกิดขึ้นในไตรมาส4 ซึ่งผลงานในQ4/64 นั้นรอการประกาศต่อไป และอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นอยู่ที่20% เมื่อปิดงบสิ้นปีแล้ว คาดว่าออกมาเติบโตก้าวกระโดด

ปัจจุบัน โรงพยาบาลมีกลุ่มลูกค้า ประกอบด้วย กลุ่มคนไข้ทั่วไป คนไข้ประกัน คนไข้จากบริษัทใหญ่ๆที่ทำสัญญาร่วมกัน และกลุ่มลูกค้าที่มาจากคลีนิคในพื้นที่ คนไทยในพื้นที่ รวมถึงคนไข้ที่เป็นคนต่างชาติที่พักอาศัยเป็นเวลานาน และนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ จากตรัง กระบี่ และพื้นที่ใกล้เคียง

ขณะที่ช่วงก่อนเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มีสัดส่วนรายได้จากลูกค้าต่างชาติมากกว่า 20% ลดลงไปบ้างหลังจากเกิดโควิด-19 แต่ก็เริ่มกลับมาเพิ่มขึ้นแล้ว จากการเปิดประเทศบางส่วน ทำให้นักท่องเที่ยวใกล้เคียงเข้ามารักษา

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดที่เกิดขึ้น ทางโรงพยาบาลได้รับผลกระทบช่วงแรกจากการงดการเดินทางของคนไข้ แต่ก็ได้รับประโยชน์จากการตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 การช่วยรับรักษาคนไข้โควิด-19 และการจัดทำHospitel รวมถึงการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับคนในพื้นที่ตามนโยบายของรัฐ ซึ่งช่วงหลังพบว่าความรุนแรงของโควิด-19 เริ่มลดลงทำให้คนไข้มีความกล้าเดินทางและเข้ามารับรักษาโรคประจำตัวในโรงพยาบาลมากขึ้น

โดยในช่วงที่ผ่านมา โรงพยาบาลได้รับรักษาผู้ป่วยอย่างเต็มที่ มีการเข้ามารับรักษาจนเต็มทุกเตียงทำให้ ทางโรงพยาบาลมีการร่วมกับโรงแรมต่างๆเพื่อเพิ่มเตียงการรักษาแบบHospitel มีการช่วยโรงพยาบาลรัฐดูแลผู้ป่วยโควิดด้วย ทำให้รับรู้รายได้ทั้งที่มาจากโควิดและการรักษาโรคปกติ เติบโตไปพร้อมๆกัน

ด้านการเติบโตของธุรกิจในปี65 มองว่ามีแนวโน้มเติบโตที่ดี แม้ว่าจะมีช่วงของการเกิดสถานการณ์โควิด-19 ทางโรงพยาบาลก็สามารถเติบโตไปกับวิกฤติดังกล่าวได้ ซึ่งในปีนี้ได้เตรียมพร้อม และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือเทคโนโลยีทางการแพทย์ต่างๆเพิ่มเติม โดยเฉพาะสาขาอ่าวนา ที่มีการเพิ่มศักยภาพเครื่องมือทางการแพทย์ เพื่อรองรับคนไข้อย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบัน โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ สมุย สามารถดำเนินการก่อสร้างไปได้แล้วระดับนึง คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปีนี้ และเปิดให้บริการได้ภายในไตรมาส1/66 ซึ่งจะทำให้ในโรงพยาบาลของWPH มีเครื่องมือทางการแพทย์ครบที่สุด เมื่อเทียบกับโรงบาลเอกชนในพื้นที่ มีความพร้อมรองรับคนไข้ทั้งชาวสมุยและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะกลับเข้ามา

สำหรับจุดเด่นของ WPH คือการเป็นโรงพยาบาลที่มี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญครอบคลุมทุกสาขา เช่นเดียวกับโรงพยาบาลชั้นนำในกรุงเทพฯ มีเครื่องมือทางการแพทย์ครบวงจร เป็นทางเลือกให้กับคนไข้ที่ต้องการใช้บริการด้วยความสะดวกรวดเร็ว หากไม่ต้องการรอรักษาในโรงพยาบาลรัฐ โดยนอกจากนี้ยังให้ความใส่ใจการบริการ รวมถึงเปิดสาขาโรคที่ไม่ค่อยมีในพื้นที่ เช่น โรคเกี่ยวกับระบบหัวใจ และระบบทางเดินอาหาร รวมถึงมีการทยอยเพิ่มงานบริการพิเศษในแต่ละช่วงตามความต้องการของคนไข้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาอีกระดับ

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบัน พบว่า อัตราการคนไข้ใช้เตียงแบบ OPD-IPD ยังเต็มอัตราของโรงพยาบาลทั้ง2แห่งเพราะปริมาณผู้ป่วยโควิด-19 ไม่ได้ลดลง ประกอบกับมีการเดินทางมากขึ้น จึงมีนักท่องเที่ยวและผู้ป่วยในท้องที่เข้ามารับการรักษาโรคอื่นๆอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีรายได้จากผู้ป่วยเด็กกลับเข้ามาจากช่วงของการเปิดโรงเรียนแล้วทำให้มีโอกาสเกิดโรคจากการรวมตัวของเด็กเกิดขึ้นง่าย และยังมีรายได้จากการรักษาโรคทางเลือกอื่นๆเข้ามาเพิ่มเติม

ทั้งนี้ มีแผนที่จะเปิดโรงพยาบาลแห่งที่4 แต่เบื้องต้นยังอยู่ระหว่างการหาข้อสรุปว่าจะเข้าลงทุนในรูปแบบไหน ซึ่งอาจเป็นการ เข้าซื้อกิจการ (M&A) การร่วมลงทุน (JV) หรือลงทุนสร้างเอง โดยคาดว่าจะเปิดเผยความชัดเจนอีกครั้งหลังจากมีการก่อสร้างโรงพยาบาลในสมุยแล้วเสร็จ