Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews: ALPHAX เปิดฉากปีเสือ รุกธุรกิจไฟแนนซ์ /UBE ปักหมุดยอดขายโต30%ทุ่มงบลงทุน 400-500ลบ.

3,114

 



สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 11มกราคม 2565)---ALPHAX ตั้งเป้ารายได้รวมปี65 โต200% จาก3ธุรกิจหลักหนุน คาดโตเฉลี่ยปีถัดไปไม่ต่ำกว่า20% คาดรายได้ธุรกิจอสังหาฯ แตะ700ลบ. จาก3โครงการหลัก พร้อมลุยขยายโครงการแนวราบเจาะกลุ่มReal Demand พร้อมเข้าซื้อหุ้น บ.มหทุน โฮลดิ้ง จำกัด ในสปป.ลาว ลุยธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ รุกเข้าสู่ธุรกิจไฟแนนซ์ คาดรับรู้รายได้เข้าพอร์ต Q2/65 เผยความคืบหน้าธุรกิจกัญชง-กัญชา คาดได้ใบอนุญาตการสกัดภายในไตรมาส 1/65 พร้อมเตรียมเปิดตัวพันธมิตรหลายราย


นายธีร ชุติวราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลฟ่า ดิวิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) ALPHAX หรือเดิมคือ บริษัท โอเชี่ยน คอมเมิรช จำกัด (มหาชน) หรือ OCEAN เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี 2565  คาดว่าจะมีรายได้เติบโต 200% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งจะมาจากแรงหนุนของทั้ง3กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์, ธุรกิจสารสกัดกัญชง-กัญชา และธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ ใน สปป.ลาว โดยแบ่งสัดส่วนรายได้เป็น 40:40:20 ตามลำดับ และคาดว่าในอนาคตจะมีรายได้ต่อปีเติบโตเฉลี่ย20%


ขณะเดียวกัน บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้จากธุรกิจอสังหาฯ ในปี2565 แตะที่ระดับ 700ล้านบาท ซึ่งจะมาจากการรับรู้ยอดขาย 3 โครงการเป็นหลัก ประกอบด้วย คอนโดมิเนียม IKON Sukhumvit 77 มูลค่า 1,170 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้ยอดโอนทั้งหมดภายในไตรมาส1/65, บ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ The valor รามอินทรา 62 มูลค่าโครงการ 480 ล้านบาท ฃซึ่งคาดว่าจะโอนได้หมดภายในปีนี้มี เนื่องจากมีเพียง 25 หลัง และเจาะกลุ่มลูกค้าระดับบน ที่มีกำลังซื้อสูง และโครงการคอนโดมิเนียม IKON อุดมสุข มูลค่า 600 ล้านบาท อยู่ในระหว่างก่อสร้าง ซึ่งปัจจุบันขายได้แล้วรอโอน(Backlog) กว่า 80% ส่วนอีก20%คาดว่าจะขายได้หมดภายหลังที่โครงการก่อสร้างแล้วเสร็จ

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังเตรียมจะเปิดตัวโครงการที่เน้นไปทางแนวราบ และโครงการอาคารสำนักงานเพื่อเช่า โดยเจาะกลุ่มลูกค้าReal Demand เป็นหลัก ได้แก่ อาคารสำนักงาน V Tower Office Building ติดบีทีเอสพระโขนง ที่เป็น Interchange ของรถไฟฟ้าสายสีเขียวและสายสีเทา มูลค่าโครงการ 5,500 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดดำเนินการในปี 2566 โดยมั่นใจว่าโครงการนี้จะสร้าง recurring income ให้บริษัทฯได้ในอนาคตรวมถึงมีโครงการคอนโดมิเนียม The 38 Sukhumvit ใกล้บีทีเอสทองหล่อ มูลค่า 1,050 ล้านบาท ที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างและวางแผนรับรู้รายได้ในปี 2567

ทำให้ทั้งปีนี้คาดว่าจะมีการเปิดตัวโครงการทั้งหมด 4-5 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 10,000 ล้านบาท และยังคงมองหาที่ดินที่สามารถพัฒนา Product ที่ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้จริงๆ เช่น บ้านเดี่ยวและบ้านแฝดในพื้นที่นอกเมือง อาทิ ย่านรามอินทรา, ราชพฤกษ์ วัชรพล เป็นต้น


ขณะที่ เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ได้มีมติอนุมัติการเข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์โดยการซื้อหุ้นสามัญของบริษัท มหทุน โฮลดิ้ง จำกัด (“MHTH”) รวม 7,677,500 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ในราคาซื้อขายประมาณหุ้นละ 26.240964 บาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 76.78 ของทุนจดทะเบียนของ MHTH จากบริษัท บี ริช โฮลดิ้ง จำกัด  ด้วยมูลค่าการเข้าทำรายการรวมเท่ากับ 201,465,000 บาท โดยวิธีการโอนกิจการทั้งหมด (Entire Business Transfer : EBT) ภายหลังการทำธุรกรรมดังกล่าว MHTH จะถือเป็นบริษัทย่อยของบริษัท และบริษัทฯจะถือหุ้นในสัดส่วน 76.78%
 
บริษัทฯจะชำระค่าหุ้นสามัญของ MHTH โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทในลักษณะการเสนอขายแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ให้แก่ผู้ขาย แทนการชำระด้วยเงินสด จำนวนไม่เกิน 108,900,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1.85 บาท คิดเป็นมูลค่าไม่เกิน 201,465,000 บาท (หรืออีกนัยหนึ่งคือผู้ขายจะจองซื้อหุ้นสามัญใหม่ของบริษัท โดยจะชำระเงินค่าหุ้นออกใหม่ด้วยหุ้นของ MHTH ที่ตนถืออยู่ (Share Swap) โดยคิดเป็นอัตราแลกเปลี่ยนหุ้นเท่ากับ 1.000000 หุ้นของ MHTH ต่อ 14.184305 หุ้นใหม่ของบริษัท ซึ่งบริษัทมีความเห็นว่าราคาดังกล่าวนั้นเกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้นเมื่อพิจารณาถึงมูลค่าของ MHTH และมูลค่าหุ้นปัจจุบันของบริษัท

โดยที่ประชุมมีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2565 ในวันที่ 4 มีนาคม 2565 เวลา 10.00 น. ด้วยวิธีการผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-Meeting) และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุม (Record Date) ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 เพื่อพิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จำนวน 27,225,000 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 452,418,389.50 บาท เป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 479,643,389.50 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่จำนวนไม่เกิน 108,900,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด ได้แก่ บริษัท บี ริช โฮลดิ้ง จำกัด เพื่อเป็นค่าตอบแทนสำหรับหุ้นสามัญของ MHTH โดยวิธีการแลกหุ้น

สำหรับการเข้าลงทุนในครั้งนี้ถือเป็นการแตกไลน์ก้าวเข้าสู่ธุรกิจไฟแนนซ์ ซึ่งภายหลังจากการเข้าไปลงทุนในบริษัท MHTH จะทำให้ ALPHAX กลายบริษัทฯ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท มะหะทุน เช่าสินเชื่อ มหาชน ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลาว ดำเนินธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เป็นเบอร์1 ของตลาดมอเตอร์ไซด์ในประเทศลาว มี่สามารถทำกำไรสุทธิราว 33% หากบริษัทเข้าไปช่วยทำการตลาดและลดต้นทุนจะยิ่งส่งผลให้กำไรสุทธิอยู่ในระดับสูงขึ้น มีโอกาสแตะ40% ซึ่งจะช่วยสนับสนุน ให้ ALPHAX มีรายได้ และกำไรเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมองว่าจากนี้จะรุกเข้าไปขยายสาขาเพิ่มเติม ในแขวงเวียงจันทน์ และแขวงสะหวันนะเขต เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและเพิ่มยอดขายได้มากขึ้น

โดยปัจจุบัน ทาง มะหะทุน มีสัดส่วน D/E Ratio เพียง 0.1 เท่า ซึ่งถือว่าต่ำมาก ยังมีโอกาสสร้างการเติบโตและการขยายธุรกิจได้อีกมาก รวมถึงALPHAX ยังมองเห็นประโยนช์จากการที่มะหะทุน มีDATA ข้อมูลขนาดใหญ่ มีข้อมูลประชากรสปป.ลาวค่อนข้างมาก ทำให้สามารถนำไปต่อยอดด้านการปล่อยสินเชื่อได้ในอนาคต ซึ่งเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจและมีความเสี่ยงต่ำเนื่องจากค่าเฉลี่ยnpl หรือหนี้เสียในลาวต่ำมาก เป็นผลมาจากการมีวินัยทางการชำระเงินของคนลาว ประกอบกับไม่มีเพดานจำกัดดอกเบี้ย เชื่อว่าจะเป็นโอกาสที่ดีของบริษัทในการต่อยอดธุรกิจในอนาคต

ทั้งนี้คาดว่าจะมีการรับรู้รายได้จากบริษัท มะหะทุน เช่าสินเชื่อ มหาชน เข้ามาในช่วงไตรมาส2/65 ซึ่งแต่ละปีจะมีกำไรจากการดำเนินงานไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท และมีรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท/ปีปัจจุบัน มะหะทุน มีจำนวนมูลค่าพอร์ตรวมทั้งสิ้นราว 300 ล้านบาท

ด้านธุรกิจกัญชง-กัญชา คาดว่าจะได้ใบอนุญาตการสกัดภายในไตรมาส 1/2565 และจะเร่งเปิดตัวลูกค้าที่เป็นพันธมิตร เพื่อเร่งวิจัยและพัฒนาสารสกัดให้พร้อมสำหรับเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่เป็น Production scale ซึ่งที่จะเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลัง โดยสินค้ากัญชงตัวแรกที่จะได้เห็น คาดว่าจะเป็นสินค้าประเภทอาหารและเครื่องดืม และอาหารเสริม ซึ่งคาดว่าจะเห็นโปรดักสได้ในช่วงครึ่งปีหลัง65

ทั้งนี้ บริษัทได้ทำการล้างทุนสะสมที่ผ่านมาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งทุกๆไตรมาสต่อจากนี้จะเป็นกำไรสะสม และจะมีการพิจารณาจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น เบื้องต้นไม่ต่ำกว่า40% ของกำไรบริษัท ภายหลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว

 

 

 

 

"เดชพนต์ เลิศสุวรรณโรจน์" บิ๊ก UBE ตั้งเป้าหมายยอดขายปี65 เติบโต30%วางงบลงทุนปี65 ราว 400-500ลบ. ขยายกำลังการผลิตฟลาวมันสำปะหลัง - ตั้งงบ1พันลบ. ลุยJVกับพันธมิตร

 

นายเดชพนต์ เลิศสุวรรณโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน) UBE เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายผลการดำเนินธุรกิจในปี2565 คาดว่ายอดขายจะเติบโต 30% จากรายได้ของผลิตภัณฑ์ปลายน้ำที่เพิ่มเข้ามา ซึ่งมองเห็นโอกาสการเติบโตในสัดส่วนดังกล่าวที่ชัดเจนมาก และบริษัทฯวางเป้าหมาย 5 ปีดันสัดส่วนยอดขายผลิตภัณฑ์ปลายน้ำเป็น 70% เทียบกับปัจจุบันธุรกิจต้นน้ำมีสัดส่วนเกือบ 100%

ขณะเดียวกัน บริษัทฯได้หันมาสนใจการทำการตลาดมากขึ้น เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับลูกค้าได้เข้าถึงและสนใจในตัวผลิตภัณฑ์ของบริษัท โดยล่าสุด ได้เปิดตัวแบรนด์ Tasuko หรือทาสุโกะ ภายใต้การนำของบจ. อุบลซันฟลาวเวอร์ หรือ UBS ซึ่งมีผลิตภัณฑ์แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบได้แก่ 1.Tasuko All Purpose Organic Cassava Flour ฟลาวมันสำปะหลังออร์แกนิค เอนกประสงค์ และ 2. ฟลาวมันสำปะหลัง Premix พร้อมวางจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ และในร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ

โดยจากกระแสรักสุขภาพที่มาแรงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์อาหารปลอดกลูเตน หรือ Gluten Free ได้รับความนิยมอย่างมากในต่างประเทศ และในปัจจุบันเริ่มเข้ามาแพร่หลายในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งกลุ่มที่เลือกรับประทานอาหาร Gluten Free ส่วนใหญ่มีสาเหตุหลักมาจากสภาวะของร่างกายไม่เอื้อต่อการรับประทานโปรตีนกลูเตน เช่น แพ้กลูเตน ภาวะไวต่อกลูเตน แพ้ข้าวสาลี เป็นต้น รวมทั้งมีกลุ่มที่ทานเพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพหลายอย่างเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ Gluten Free กลายเป็นเทรนด์สุขภาพที่คนทั่วโลกต่างให้ความสนใจ

ในฐานะที่บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตแป้งมันสำปะหลังและถือเป็นบริษัทที่ใหญ่อันดับต้นๆ ของประเทศไทย ในการส่งออกแป้งมันสำปะหลังไปยังตลาดหลักอย่างสหรัฐอเมริกา ยุโรป จีน ญี่ปุ่น และเกาหลี โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ศึกษาและพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ในการทำฟลาวมันสำปะหลัง สำหรับใช้ทำขนมเบเกอรี่ เพื่อให้คนในประเทศไทยรู้จักกัน เพราะฟลาวมันสำปะหลัง เรียกได้ว่าเป็นเทรนด์ดังในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ทั้งอเมริกาและยุโรป เนื่องจากกระแสของ Clean Label ที่มาแรง ประกอบกับในกลุ่มผู้บริโภคไทยยังพบว่ามีอัตราการแพ้แป้งสาลีสูงถึง 7-10% จึงนับเป็นโอกาสที่ดีในการเปิดตลาดฟลาวมันสำปะหลังเป็นเจ้าแรก ๆ ในประเทศไทย


นอกจากนี้ บริษัทฯได้วางงบลงทุนในส่วนของการขยายกำลังการผลิตฟลาวมันสำปะหลังราว 400-500 ล้านบาท รวมถึงยังวางงบลงทุนราว 1,000 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับรองรับการร่วมทุนกับพันธมิตร (JV) โดยปัจจุบันมีเจรจาหลายราย ทั้งผลิตภัณฑ์ที่้กี่ยวข้องกับกาแฟ ข้าว สารให้ความหวาน เป็นต้น เบื้องต้นคาดเห็นความชัดเจน 2-3 ดีลภายในครึ่งแรกปี 2565

นอกจากนี้ ได้ใช้งบลงทุนราว300ล้านบาท เพื่อใช้ในการพัฒนานวัตกรรม และเทคโนโลยีการผลิตขยายกำลังการผลิตจาก 100 ตันให้ได้ 300 ตันในปี 2565 โดยชูจุดเด่นความเป็นผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกที่ได้รับมาตรฐานสากล ทั้งในอเมริกาและยุโรป ที่ปราศจาก Gluten Free ได้รับการรับรองมาตรฐานในประเทศไทยและสากลทั้ง USDA, EU, JAS, CHAINA และ KOREAN ผ่านการใส่ใจในกระบวนการผลิตทุกขั้นตอนจึงออกมาเป็น “Tasuko อร่อยไร้สาร และมีไฟเบอร์” โดยให้ความสำคัญ ตั้งแต่การปลูกที่ไร้สารเคมี โดยยึดหลักมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ทั้งหมด มีกรรมวิธีการผลิตที่ไม่ใส่สารฟอกขาวเหมือนแป้งมันทั่วไป จึงทำให้ได้ฟลาวมันสำปะหลังคุณภาพดีที่ไร้กลูเตน

สำหรับผลิตภัณฑ์ Tasuko เป็นฟลาวมันสำปะหลังที่ปราศจากกลูเตน (Gluten Free) สามารถใช้ประกอบอาหาร และผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ได้หลายชนิด เช่นเดียวกับแป้งสาลีและยังมีคุณสมบัติที่พิเศษเฉพาะตัว คือ สีกลิ่น รสชาติ และเนื้อสัมผัส ที่มีความใกล้เคียงกับแป้งสาลีมากกว่าแป้งทางเลือกอื่น จึงเหมาะกับผู้บริโภคทั่วไป ทั้งที่แพ้และไม่แพ้กลูเตน แถมยังออร์แกนิค ได้รับการรับรองต่าง ๆ มากมายระดับสากล นอกจากนี้ ยังสามารถนำมาประกอบอาหารเป็นเมนูเพื่อสุขภาพได้ เนื่องจากกระบวนการผลิตที่ใช้หัวมันสำปะหลังออร์แกนิคทั้งหัว ทำให้มีกากใยสูง (High Fiber) สามารถนำไปทำเบเกอรี่ และประกอบอาหารเป็นเมนูเพื่อสุขภาพ สำหรับคนแพ้กลูเตน รวมถึงกลุ่มผู้ที่ใส่ใจสุขภาพในปัจจุบัน


“ในปีนี้ บริษัทฯ จะทำให้ Tasuko เป็นแบรนด์ที่คนไทยรู้จักกันมากขึ้น และเตรียมจะมีผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ออกมาอีกมากมาย โดยได้มีการศึกษา ค้นคว้า และวิจัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และนอกเหนือไปจากนี้ยังได้ศึกษาความต้องการของผู้บริโภค และเทรนด์อาหารต่าง ๆ ในปี 2565 นอกจากนี้ยังเตรียมจำหน่ายสินค้าในรูปแบบฟลาวมันสำปะหลัง Premix ออกมาอีกมากมายถึง 30 เมนูด้วยกัน ทั้งเมนูคาวและหวาน อาทิ แป้งชุบทอด, Crepe cake, Butter cupcake, Banana cake เป็นต้น โดยในวันนี้เราได้เชิญเชฟเอียน ที่มีชื่อเสียงระดับโลก มาร่วมการันตีความอร่อย มาร่วมเป็น Brand Presenter ให้กับเรา พร้อมมาช่วยสร้างสรรค์ความอร่อยหลากหลายเมนูให้ลูกค้าได้ทดลองทำตามสูตรของเชฟผ่านช่องทางออนไลน์ จึงอยากเชิญชวนให้ติดตามกันครับ” นายเดชพนต์ กล่าว

ทั้งนี้ Tasuko มีผลิตภัณฑ์หลัก 2 ประเภท ได้แก่ 1. Tasuko All Purpose Organic Cassava Flour ฟลาวมันสำปะหลัง ออร์แกนิค เอนกประสงค์ สามารถใช้ทำขนม เบเกอรี ได้โดยไม่ต้องผสมกับแป้งอื่น ๆ และที่สำคัญคือ กลูเตนฟรี และ 2. ฟลาวมันสำปะหลัง Premix ผลิตมาให้ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือคนที่ชอบความสะดวก ไม่ต้องออกไปซื้อส่วนผสมหลาย ๆ อย่างมาชั่งตวงเอง โดยบริษัทฯ ได้คิดสูตร และส่วนผสม ที่เหมาะสมมาให้แล้ว เพียงเติม นม ไข่ หรือเนย ก็สามารถทำขนมทานเองที่บ้านได้แบบง่ายๆ สามารถสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ Tasuko หรือ ทาสุโกะ ผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งออนไลน์และในร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ อาทิ Foodland, Gourmet Market, และ Tops Supermarket เป็นต้น

---จบ---

 

 

 

 

 

 

 

สิริวัฒนา กลางประพันธ์

สิริวัฒนา กลางประพันธ์ : รายงาน / อณุภา ศิริรวง : เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

SNNP รับรางวัล Supplier ดีเด่นจากแม็คโคร

SNNP รับรางวัล Supplier ดีเด่นจากแม็คโคร

PTG ลงนาม MOU กรมทรัพยากรทางทะเลฯ และองค์กรภาคีเครือข่าย ร่วมอนุรักษ์ ฟื้นฟูป่าชายเลน

PTG ลงนาม MOU กรมทรัพยากรทางทะเลฯ และองค์กรภาคีเครือข่ายร่วมอนุรักษ์ ฟื้นฟูป่าชายเลน

เก็งหุ้น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อยขี่ไม้กวาดวิเศษ ภาคเช้าที่ผ่านมา หุ้นไทยแกว่งขึ้น ตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนการเล่นการเทรดเป็นไปตามแรง...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้