Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews: เทพหุ้นทรีนีตี้ มองกรอบ SETปี65 1,500-1,800 จุด ดาวเด่นหุ้นอิงการบริโภคภายใน/เกาะ SETHD /กูรูทิสโก้ มองเป้าหุ้นไทยปีเสือที่ 1,720 จุด แนะซื้อหุ้นเชิงคุณค่า - ปันผลหลบภัย

1,334

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(4มกราคม 2565)-----------“ทรีนีตี้” ฟันธง January effect มาแน่ เหตุสภาพคล่องเงินไหลเข้าหนุนดัชนีวิ่งขึ้นต่อไตรมาสแรกมีโอกาสแตะ 1,680 จุด และ1,800 จุด ทั้งปีให้กรอบ 1,500-1,800 จุด พร้อมแนะจัดพอร์ตเน้นหุ้น อิงการบริโภคภายในประเทศและหุ้นในดัชนี SETHD ซึ่งเตรียมเข้าสู่ช่วงเวลาดีที่สุดของปี


นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางการลงทุนเดือน ม.ค.2565 ว่า มีโอกาสสูงมากที่จะเกิดปรากฎการณ์ January effect จากปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ที่เอื้ออำนวย ทั้งสภาพคล่องที่อยู่ในระดับสูง เงินทุนไหลเข้าช่วงต้นปีและการซื้อกลับของนักลงทุนสถาบันภายในประเทศ ซึ่งจะหนุนให้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นต่อได้จากระดับปิดปี 2564 ที่1,657.62 จุดและภายในไตรมาสแรกของปี 2565 มีโอกาสเห็นดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นไปแตะที่ระดับ 1,680 จุดในกรณีฐานและระดับ 1,800 จุดในกรณีดีสุด


ทั้งนี้ ทรีนีตี้ ประเมินเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปี 2565 บนสมมติฐาน EPS ของตลาดปี 2566 ที่ 107 บาท และพี/อี กรณีฐานที่ 15.7 เท่า จะได้ระดับดัชนีที่ 1,680 จุด ส่วนในกรณีดีสุด เทียบเคียงพี/อี ที่ 16.8 เท่า และสมมติฐาน EPS เดียวกัน จะได้ระดับดัชนีดีสุดที่ 1,800 จุด ซึ่งหากจะเห็นตัวเลข 1,800 จุดนี้ มองว่าจะต้องเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 1 นี้ ซึ่งประเมินว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของปี

ในทางกลับกัน มองแนวรับดัชนีกรณีฐานที่ระดับ 1,600 จุด ซึ่งเป็นระดับเทียบเคียงพี/อี 16.8 เท่า และสมมติฐาน EPS ปี 2565 ที่ 96 บาท ส่วนในกรณีเลวร้ายสุด หากเกิดกรณีลบเช่น Fed ขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในไตรมาส 1 และรัฐบาลไทยหันกลับมาใช้มาตรการ Lockdown คนในประเทศอีกครั้ง มองระดับแนวรับที่ลึกที่สุดของ SET อยู่ที่ 1,500 จุด ซึ่งเป็นระดับเทียบเท่าพี/อี 15.7 เท่า บนสมมติฐานตัวเลข EPS เดียวกัน

นายณัฐชาต กล่าวว่า ในเชิงกลยุทธ์ ยังคงแนะนำนักลงทุนให้ถือครองหุ้นไทยเพื่อ Let profit run ได้ต่อไป ซึ่งคาดว่าจะเป็นหนึ่งในประเทศเกิดใหม่ที่ปรับตัวได้ดีในช่วงต้นปีนี้ รับการไหลกลับเข้ามาบางส่วนของเงินทุนจากประเทศพัฒนาแล้ว ในฐานะที่เป็นประเทศที่ยังคง Laggard ทั้งในด้านการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและระดับ Valuation ที่ยังอยู่ต่ำโดยเปรียบเทียบ พร้อมทั้งยังไม่มีความเสี่ยงด้านการเข้มงวดของนโยบายการเงินและนโยบายการคลังแต่อย่างใด

ในส่วนธีมการลงทุนประจำเดือนมกราคมนี้ แนะนำนักลงทุนถือครองหุ้น 2 กลุ่มเดิมต่อไป นั่นก็คือ 1) กลุ่มที่อิงกับการบริโภคภายในประเทศที่มีสัญญาณฟื้นตัวต่อเนื่องและมีปัจจัยกระตุ้นรออยู่ เช่น มาตรการ ช้อปดีมีคืน อาทิ KBANK, BBL, BJC, CPALL, HMPRO, DOHOME, COM7, M, ORI, SPALI, SIRI, BEM, BTS, PLANB, MAJOR, VGI, PF&REIT และ 2) กลุ่มหุ้นปันผลสูงที่มีความเชื่อมั่นเกินกว่า 80% ว่าจะให้ผลตอบแทน Total return เป็นบวกในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ ได้แก่ SCC, TISCO, AP, ADVANC, PTT, INTUCH, BBL, LH, GUNKUL, PTTEP, SIRI, SENA, SC, MAJOR, TOG, PSH

สำหรับกรณีที่กองทุน LTF ที่ผู้ลงทุนถือครองมาครบ 7 ปีจะไถ่ถอนนั้น ประเมินว่าในเดือนมกราคมจะมีมูลค่าเม็ดเงินราว 11,000 ล้านบาท ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดแต่อย่างใด เพราะกองทุนต่างๆ น่าจะเตรียมสภาพคล่องไว้รองรับแล้ว เห็นได้จากการขายหุ้นไทยของนักลงทุนสถาบันช่วงปลายปีที่ขายสุทธิไปกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท เชื่อว่าสามารถรองรับ LTF ที่จะไถ่ถอนได้เพียงพอแล้ว ที่สำคัญ น่าจะทำให้นักลงทุนกลุ่มนี้ หันกลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทยได้ในช่วงเดือนมกราคม ดังภาพที่เคยเกิดขึ้นมาตลอด 8 ปีที่ผ่านมาที่เปิดให้มีการไถ่ถอนกองทุน LTF ที่ครบกำหนด

 


บล.ทิสโก้ชี้หุ้นไทยครึ่งปีแรกเผชิญ 3 ปัจจัยกดดัน ทั้ง COVID – 19 ระบาด, เงินเฟ้อพุ่งท่ามกลางนโยบายการเงินสหรัฐฯ ที่เข้มงวด และเงินกองทุนรวมระยะยาว (LTF) จ่อไหลออก แนะซื้อหุ้นเชิงคุณค่า - ปันผลหลบภัย รอดัชนีปรับขึ้นครึ่งปีหลัง มองเป้าหมายหุ้นไทยปี 2565 ที่ 1,720 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด (Mr. Apichat Poobunjirdkul, Senior Strategist, TISCO Securities Co., Ltd) กล่าวว่า ปี 2564 ที่ผ่านมาถือเป็นปีที่ดีของการลงทุนในตลาดหุ้น เพราะผลตอบแทนของตลาดหุ้นโลก (MSCI World Index) อยู่ที่ 17% นอกจากนี้ มีตลาดหุ้นถึง 21 ประเทศ จากตลาดหุ้นทั้งหมด 48 ประเทศที่อยู่ใน MSCI World Index ขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ในปีที่ผ่านมา ได้รับแรงหนุนจากการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลังมีการฉีดวัคซีนเป็นวงกว้าง รวมทั้งการใช้นโยบายการเงินและการคลังจำนวนมหาศาลเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ สำหรับตลาดหุ้นไทยปีที่ผ่านมาให้ผลตอบแทนที่ 14% ใกล้เคียงกับตลาดหุ้นโลกที่ 17% และอยู่ในอันดับต้น ๆ ของภูมิภาคเอเชีย อย่างไรก็ตาม หากเทียบผลตอบแทนตั้งแต่ปี 2563 ถึงปี 2564 ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนเพียง 5% เทียบกับตลาดหุ้นโลกที่ให้ผลตอบแทนสูงถึง 34% เพราะเป็นผลจากภาพรวมเศรษฐกิจไทยช่วง 2 ปีที่ผ่านมาฟื้นตัวช้าและยังไม่กลับไปสู่ระดับก่อนช่วงเกิดวิกฤต COVID-19 หลัก ๆ จากภาคการท่องเที่ยวที่ยังได้รับผลกระทบหนัก

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยปี 2565 บล.ทิสโก้มีมุมมอง “เชิงบวกอย่างระมัดระวัง” โดยในช่วงครึ่งปีแรกคาดว่าดัชนีหุ้นไทย (SET Index) จะแกว่งไซด์เวย์ในกรอบ 1,550-1,700 จุด ก่อนที่จะปรับขึ้นทะลุระดับ 1,700 จุดในช่วงครึ่งปีหลัง โดยบล.ทิสโก้ให้เป้าหมาย SET Index ที่เหมาะสมสำหรับสิ้นปี 2565 ที่ 1,720 จุด

ทั้งนี้ สำหรับในช่วงครึ่งปีแรก บล.ทิสโก้ประเมินว่าหุ้นไทยจะมีความท้าทายและมีโอกาสเกิดความผันผวนได้ง่ายจาก 3 ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ 1. ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ระบาด Omicron โดยคาดว่ามีโอกาสที่ผู้ติดเชื้อจะเร่งตัวขึ้นหลังจากผ่านพ้นช่วงฤดูกาลเฉลิมฉลองปีใหม่ไปแล้ว หากผู้ติดเชื้อกลับมาเพิ่มขึ้นไม่หยุดจนสร้างภาวะตึงตัวแก่ระบบสาธารณสุข หรือ ลามเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม อาจนำไปสู่การใช้มาตรการควบคุมที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งจะส่งผลลบต่อเศรษฐกิจ


2. แนวโน้มเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นอยู่และนโยบายการเงินสหรัฐฯ ที่เข้มงวดขึ้น โดยตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ล่าสุดเดือน พฤศจิกายน 6.8% สูงสุดในรอบกว่า 40 ปี ยังมีแนวโน้มสูงขึ้นอีกในระยะสั้น คาดจะสร้างความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการเงินของสหรัฐฯ อาจเข้มงวดเร็วกว่าคาด ทั้งการเร่งขึ้นดอกเบี้ยและการเร่งปรับลดขนาดงบดุลลง (Quantitative Tightening : QT) และ 3. แรงกดดันจากเงินกองทุนรวมระยะยาว (LTF) ครบกำหนด 7 ปี โดยปกติเงินส่วนนี้มักไหลออกในช่วงไตรมาสที่ 1 ของทุกปี จากการประเมินของบล.ทิสโก้ คาดว่าเงินก้อนนี้จะสามารถไหลออกได้มากถึง 5 หมื่นล้านบาท แต่เชื่อว่าจะมีเม็ดเงิน LTF บางส่วนไหลกลับไปลงทุนกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) อีกครั้งเพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ส่งผลให้เงิน LTF ที่จะไหลออกสุทธิน่าจะไม่เกิน 3 หมื่นล้านบาท

 

นายอภิชาติกล่าวอีกว่า แม้จะมี 3 ปัจจัยเสี่ยงที่ยังต้องจับตาและทำให้ตลาดหุ้นผันผวนได้ แต่บล.ทิสโก้มองว่าหากหุ้นย่อตัวลงอาจเป็นจังหวะในการเข้าลงทุน เพราะคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังดัชนีหุ้นไทยจะค่อยๆ ปรับตัวขึ้นมาแตะระดับ 1,750-1,800 จุด หลัก ๆ จากการกระจายวัคซีนเข็มกระตุ้นจะครอบคลุมมากขึ้น และแนวโน้มเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะเริ่มอ่อนตัวลงในช่วงเวลาดังกล่าว ส่งผลให้เกิดความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนในตลาด ขณะที่เศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งปีหลัง คาดจะฟื้นตัวอย่างชัดเจนจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่งในไตรมาสที่ 4/2565 และมีโอกาสที่เงินทุนต่างประเทศจะไหลเข้าจากการแข็งค่าของเงินบาทหลังกลับมาเกินดุลบัญชีเดินสะพัด รวมทั้งโอกาสเกิดการเลือกตั้งในปี 2565 ซึ่งตลาดหุ้นไทยมักตอบสนองในทางบวก

โดยสรุป บล.ทิสโก้มองตลาดหุ้นไทยปี 2565 ยังน่าลงทุน แต่ต้องรอนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาก้าวกระโดดในช่วงครึ่งปีหลัง เพราะฉะนั้น ตลาดครึ่งปีแรกจึงน่าจะมีโอกาสปรับขึ้น (Upside) จำกัด และมีโอกาสเกิดความผันผวนได้ง่าย จึงเน้นการลงทุนหุ้นเชิงคุณค่า (Value Stock) และหุ้นปันผลดีสม่ำเสมอฟันฝ่าช่วงเวลานี้

หุ้นแนะนำสำหรับการลงทุนช่วงครึ่งปีแรก คือ ADVANC , BDMS , DTAC , EGCO , KKP , SCB , SPALI และ WHA

สำหรับเดือน มกราคมแนะนำหุ้นที่ราคาพักฐานลงมาแล้วก่อนหน้านี้และมีการจ่ายปันผลดี คือ BEC , DCC , KKP และ TVO และหุ้นที่คาดมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวหนุน แนะนำ BJC และ TPIPL ส่งผลให้หุ้นเด่นในเดือน มกราคม คือ BEC , BJC , DCC , KKP , TPIPL และ TVO

ด้านแนวรับสำคัญของเดือนนี้อยู่ที่ 1,620 จุด และแนวรับต่อไปที่ 1,590-1,600 จุด ขณะที่แนวต้านสำคัญของเดือนนี้อยู่ที่ 1,680-1,690 จุด และแนวต้านต่อไปที่ 1,700 จุด ตามลำดับ

 

 

---จบ---

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

NER พบนักลงทุนในงาน Opportunity Day ประจำไตรมาส 1/2567

NER พบนักลงทุนในงาน Opportunity Day ประจำไตรมาส 1/2567

ไต่ขึ้น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เช้านี้ หุ้นอิงการบริโภคในประเทศ โดยเฉพาะ CPF รับบทเป็นพระเอกดันSET ไต่ขึ้น ส่วนหุ้นแบงก์....

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้