แนวโน้มกลับมาเป็นบวกหลังโรคระบาดคลี่คลาย
กำไร 3Q21 ของ COTTO ออกมาดีกว่าคาดเนื่องจากในไตรมาสนี้มีรายได้จากการขายที่ดินเข้ามาช่วยลดผลกระทบจากการ Lockdown และต้นทุนพลังงานที่เพิ่ม เราคาดว่ากำไร 4Q21F และปีหน้าจะเติบโต YoY ได้เนื่องจากความต้องการเริ่มฟื้นตัวหลังการผ่อนคลาย Lockdown อีกทั้งบริษัทมีการปรับราคาขายขึ้นเพื่อสะท้อนต้นทุนที่เพิ่มขึ้น แต่เนื่องจากไม่มี Upside เหลือแล้ว

เราจึงแนะนำแค่ ถือ
ยอดขายที่ดินลดผลกระทบจาก Lockdown และต้นทุนพลังงานที่เพิ่มใน 3Q21
COTTO ประกาศกำไรสุทธิใน 3Q21 ที่ 162 ล้านบาท ลด 5.1% YoY และ 8.6% QoQ โดยสาเหตุที่กำไรลดมาจาก Gross margin ที่ลดลง YoY และ QoQ จาก 30.3% และ 29.5% เหลือ 26.6% เนื่องจากต้นทุนก๊าซเพิ่มขึ้นมากแต่บางส่วนถูกชดเชยจากการปรับราคาขายขึ้นเล็กน้อยและการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตของบริษัท งบที่ออกมาดีกว่าที่เราคาดไว้ที่ 136 ล้านบาทเนื่องจากในไตรมาสนี้บริษัทมียอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมหนองแค 131 ล้านบาทและมี Gross profit จากการขายที่ดิน 57 ล้านบาท (Gross margin 56%) ซึ่งหากไม่รวมรายได้และกำไรจากการขายที่ดิน งบจะต่ำกว่าที่เราคาด เนื่องจาก Gross margin ต่ำกว่าคาดซึ่งเป็นผลมาจากต้นทุนก๊าซที่เพิ่มขึ้นในขณะที่บริษัทเพิ่งปรับราคาขายขึ้นในช่วงปลายไตรมาส

คาดฟื้นตัวใน 4Q และปีหน้าจากการผ่อนคลาย Lockdown และขึ้นราคาขายลดผลกระทบต้นทุน
สถานการณ์โควิดที่เริ่มคลี่คลายทำให้รัฐบาลเริ่มผ่อนคลายมาตรการ Lockdown ตั้งแต่เดือนก.ย.ทำให้คาดว่าความต้องการกระเบื้องเซรามิคเริ่มฟื้นตัวและน่าจะดีขึ้นหลังหมดฤดูฝนและสถานการณ์น้ำท่วมเริ่มคลี่คลาย นอกจากนั้นบริษัทยังมีแผนจะปรับราคาขายขึ้นอีกเพื่อสะท้อนต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการปรับปรุงประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องจะช่วยลดผลกระทบได้ส่วนนึง ทำให้เราคาดว่า Gross margin ของกระเบื้องเซรามิคน่าจะดีขึ้นจาก 3Q21 นอกจากนั้นการออกสินค้าใหม่ เช่น Air Ion Tile รวมถึงเปิดสาขาคลังเซรามิคเพิ่มจากปัจจุบัน 47 สาขา เป็น 100 สาขาภายในปี 2023 รวมถึงรายได้จากธุรกิจติดตั้งระบบ Solar Cell จะช่วยสนับสนุนรายได้และกำไรใน 4Q ปี 2022F ให้กลับมาเติบโต

ปรับคำแนะนำเป็น ถือ เนื่องจากอัพไซด์จำกัด ราคาเป้าหมายใหม่อยู่ที่ 2.60 บาท
เราปรับประมาณการกำไรปี 2021-23F ขึ้น 1-1.4% เพื่อสะท้อนงบไตรมาส 3 นอกจากนั้นเราได้ปรับราคาเป้าหมายจาก 2.30 บาท เป็น 2.60 บาท โดยคิดจาก PER ปี 2022F ที่ 21.4x (คิดจากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีของบริษัท +1 Stdev) จากเดิมใช้ PER 19x เนื่องจากแนวโน้มที่ดีขึ้นหลังผ่อนคลาย Lockdown ประกอบกับบริษัทได้พิสูจน์ว่าการปรับปรุงประสิทธิภาพของบริษัทได้ผลดี โดยเราคาดว่ากำไรของบริษัทในปีนี้จะเติบโตถึง 68% ทั้งๆที่มีปัญหาโควิดและต้นทุนพลังงานเพิ่มขึ้นมาก อย่างไรก็ตามเนื่องจากราคาหุ้นเต็มมูลค่าแล้ว เราจึงให้คำแนะนำ ถือ จากเดิม ขาย ความเสี่ยงด้านบวกคือเศรษฐกิจและความต้องการกระเบื้องดีกว่าคาด, ต้นทุนพลังงานและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่ำกว่าคาด, การปรับราคาขายขึ้นและสามารถขายที่ดินได้ ความเสี่ยงด้านลบคือ ต้นทุนเพิ่มและการแข่งขันราคารุนแรงขึ้น