สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 20 สิงหาคม 2564)----- BPP เพิ่มกำลังผลิตตามกลยุทธ์และเติบโตจากระบบนิเวศกลุ่มบ้านปู ตอกย้ำการเปลี่ยนผ่านสู่การผลิตพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและชาญฉลาด พอร์ตธุรกิจโรงไฟฟ้า HELE และพลังงานหมุนเวียนเติบโตสะท้อนกลยุทธ์ Greener & Smarter ครึ่งปีแรก 2564 มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 30 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โรงไฟฟ้าคงประสิทธิภาพการผลิตและจ่ายไฟในระดับที่ดี สร้างผลตอบแทนสม่ำเสมอ กำลังผลิตปัจจุบันรวม 3,330 MWe พร้อมต่อยอดการเติบโตจาก Banpu Ecosystem เพื่อบรรลุเป้า 5,300 MWe

นายกิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางเป้าหมายในปี2564 จะมีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA มาร์จิ้น) เติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน ซึ่งจะมาจากการรับรู้รายได้ของกำลังการผลิตจากโรงไฟฟ้าใหม่ๆจำนวน 6 โครงการในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ซึ่งคิดเป็นขนาดกำลังการผลิตไม่ต่ำกว่า 700 เมกะวัตต์ (MW)

ปัจจุบัน บริษัทมีโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและคาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในปีนี้มีจำนวน 3 แห่ง ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมหวินเจา (Vinh Chau) ระยะที่ 1 ในเวียดนาม กำลังผลิต 30 เมกะวัตต์ คาดว่าจะ COD ได้ในช่วงไตรมาส 3/2564 รวมไปถึงโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น 2 โครงการ ได้แก่ เคเซนนุมะ (Kesennuma) กำลังผลิต 20 เมกะวัตต์ และชิราคาวะ (Shirakawa) กำลังผลิต 10 เมกะวัตต์ คาดว่าจะ COD ในไตรมาส 4/2564

ด้านความคืบหน้าของการเข้าไปลงทุนในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I กำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุน 384 เมกะวัตต์ ในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่มีการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว พร้อมสร้างกระแสเงินสดได้ทันที โดยคาดว่าการลงทุนในครั้งนี้จะดำเนินการแล้วเสร็จตามเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องในสัญญา และสามารถรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 4/2564

ขณะที่โรงไฟฟ้าซานซีลู่กวง (SLG) ในจีน ที่บริษัทได้เข้าไปลงทุนในสัดส่วนกำลังการผลิต 396 เมกะวัตต์ ปัจจุบัน อยู่ในช่วงทดสอบการเดินเครื่องเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ คาดว่าจะสามารถเดินเครื่องได้ในช่วงไตรมาส 3/2564 รวมทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานลมเอลวินหมุยยิน (El Wind Mui Dinh) ในเวียดนาม กำลังผลิต 38 เมกะวัตต์ ที่ BPP เข้าลงทุนก่อนหน้านี้จะรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 3/64 เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยได้วางงบลงทุนไว้ราว 200-300 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี เพื่อใช้สำหรับการเข้าลงทุนในโครงการใหม่ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างพิจารณาเข้าลงทุนอยู่อย่างต่อเนื่อง อาทิ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน เป็นต้น โดยจะเน้นโครงการที่สามารถต่อยอดธุรกิจได้ และสร้างกระแสเงินสดทันที

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าผลการดำเนินงานในปี 2568 ที่จะมีกำลังผลิตไฟฟ้า 5,300 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีกำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุน 3,330 เมกะวัตต์ แบ่งออกเป็น โครงการที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ กับโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมจ่ายไฟรวม 3,224 เมกะวัตต์ และมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา จำนวน 4 โครงการ กำลังการผลิตรวม 106 เมกะวัตต์

“ท่ามกลางสถานการณ์การระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 BPP ยังคงดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนกลยุทธ์ พร้อมบริหารทั้งทีมงานและธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าของเราทุกแห่งให้สามารถเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงแสวงหาโอกาสขยายการเติบโตของกำลังผลิตไฟฟ้าในสัดส่วนที่สมดุลระหว่างพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไปและพลังงานหมุนเวียนในประเทศที่มีศักยภาพ โดยจะประเมินและพิจารณาอย่างรอบคอบที่สุด เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างเหมาะสมแก่ผู้มีส่วนได้เสียต่อไป พร้อมกับการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Environmental, Social and Governance: ESG) เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกประเทศที่เราเข้าไปดำเนินธุรกิจ”นายกิรณ กล่าวปิดท้าย

---จบ---