Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews: TM ปรับโมเดลต่อยอดธุรกิจ สู่ New S-curve /SA ติดโผดัชนี FTSE MicroCap

2,350

 


----TM ปรับโมเดลต่อยอดธุรกิจ สู่ New S-curve---

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(1มิถุนายน 2564)---------TM เดินเกมรุก ปรับโมเดลต่อยอดธุรกิจ สู่ New S-curve แห่งการเติบโตครั้งใหม่ ประกาศทุ่มงบกว่า 450 ล้านบาท พัฒนาโครงการ "THE PARENTS" ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ และโรงพยาบาลเฉพาะทางขนาด 150 เตียง จ่อเปิดให้บริการปลายปี 2566 เร่งเดินหน้าตอกย้ำการเป็นผู้นำการจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ ที่มุ่งสู่การยกระดับการพัฒนาเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ที่ให้บริการผู้สูงอายุแบบบูรณาการครบวงจร เชื่อปั้นรายได้ประจำเฉลี่ย 100-150 ล้านบาทต่อปี ชูความแข็งแกร่งของรายได้ในรูปแบบ Recurring Income ส่งซิกผุดโปรดักส์ใหม่ “สารสกัดสมุนไพร” เจาะตลาด Q3/64 เชื่อเพิ่มยอดขายเฉลี่ยต่อปีไม่ต่ำกว่า 20-30 ล้านบาท ประกาศตั้งเป้ารายได้ปี64 แตะ 650 – 700 ล้านบาท

นางสุนทรี จรรโลงบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เทคโนเมดิคัล จำกัด (มหาชน) หรือ TM ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ เปิดเผยว่า บริษัทฯเดินหน้าปรับกลยุทธ์โครงสร้างธุรกิจ เพื่อมุ่งเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มในส่วนของรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้มีความเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนนอนาคต โดยล่าสุดได้เพิ่มไลน์ธุรกิจสร้างศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและโรงพยาบาลเฉพาะทาง ภายใต้โครงการ "THE PARENTS" ซึ่งเป็นการดำเนินการผ่านบริษัทย่อยคือ บริษัท ทีเอ็ม เนิร์สซิ่ง แคร์ จำกัด (TMNC) โดย TM ถือหุ้นสัดส่วน 80% และ 20% เป็นกลุ่มแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผู้สูงอายุ เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 450 ล้านบาท ในการก่อสร้างอาคาร 2 แห่ง ประกอบด้วยอาคาร Nursing Home และอาคาร Rehabilitation Hospital สามารถรองรับกับผู้ที่เข้ามาใช้บริการได้ทั้งสิ้น 150 เตียง เพื่อรับดูแลผู้สูงอายุทุกภาวะ และโรงพยาบาลเฉพาะทาง เช่น การกายภาพฟื้นฟู, การดูแลผู้สูงอายุ และดูแลผู้ป่วยอัมพฤกษ์อัมพาต

ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่าศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและโรงพยาบาลเฉพาะทาง จะแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการในเชิงพาณิชย์ได้ ประมาณช่วงปลายปี 2566 ซึ่งหากแผนขยายธุรกิจดังกล่าวเป็นไปตามเป้าหมาย จะส่งผลให้บริษัทฯทยอยรับรู้รายได้จากธุรกิจนี้เข้ามาเฉลี่ย 100 -150 ล้านต่อปี โดยรายได้ดังกล่าวเข้ามาชัดเจนตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป

“ ธุรกิจศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและโรงพยาบาลเฉพาะทาง จะสามารถส่งเสริมให้เกิดการ Synergy ระหว่างกัน โดยทาง TM จะจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทางการแพทย์ให้กับ TMNC ส่งผลให้รายได้ของ TM จะมีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่าย ให้กับ TMNC ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย ซึ่งเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทฯในระยะยาว”

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เทคโนเมดิคัล ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ในปี 2565 เนื่องจากมีจำนวนประชากรคนไทยที่มีอายุมากกว่า 65 ปีเกิน 20% ของประชากรทั้งหมด และหากนับจำนวนผู้สูงอายุทั้งหมดจะพบว่าสัดส่วน 1.5% คิดเป็น 180,000 คนเป็นผู้ป่วยติดเตียง ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีสถานที่ที่ได้รับมาตรฐานในการดูแลผู้ป่วยไม่เพียงพอต่อความต้องการ ดังนั้น บริษัทฯจึงเร่งเดินหน้ารุกการจัดตั้งโรงเรียนเพื่อผลิตนักเรียนการบริบาล ขึ้นเอง ซึ่งเป็นศูนย์อบรมบุคลากรเพื่อพัฒนาทักษะให้บริการดูแลผู้สูงอายุที่บ้าน (Home Care) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายดังกล่าวที่ยังคงมีความต้องการบุคคลากรดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจากแผนกลยุทธ์ดังกล่าวนอกจากจะตอกย้ำการเป็นผู้นำการจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์แล้ว ยังเป็นการยกระดับที่มุ่งสู่การพัฒนาเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ที่ให้บริการผู้สูงอายุแบบบูรณาการครบวงจร

พร้อมกันนี้ ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯมีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์มาจากสารสกัดสมุนไพร จากยอดต้นข้าว ซึ่งเป็นการร่วมมือกับสถาบันวิจัยของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ช่วยบำรุงไตและมีคุณสมบัติช่วยให้พักผ่อนนอนหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวคาดว่าจะเริ่มจำหน่าย ภายในไตรมาส 3/64 ผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายตามร้านค้าออนไลน์และร้านสะดวกซื้อ 7-11 และร้านขายยา ซึ่งเบื้องต้นบริษัทฯตั้งเป้ายอดขายจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวประมาณ 20-30 ล้านบาทต่อปี ประกอบกับความต้องการผลิตภัณฑ์ทางการเเพทย์ป้องกันเชื้อโควิด-19 ยังมีความต้องการต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯประเมินว่าแนวโน้มครึ่งปีหลังจะโดดเด่นเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก ซึ่งส่งผลให้บริษัทฯประเมินอัตราการเติบโตของรายได้ในปี 2564 นี้ไว้ที่ระดับ 650 -700 ล้านบาท พร้อมทั้งจะรักษาอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่าปี 2563 ที่อยู่ระดับ 6.48%

“ไตรมาส 2/64 มองว่าจะมีแนวโน้มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสแรกที่มีรายได้รวม 146.38 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นผลมาจากการที่บริษัทฯได้ดำเนินการปรับแนวทางบริหารสินค้าใหม่ ด้วยการเพิ่มความถี่คำสั่งซื้อเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการผลิตภัณฑ์และวัสดุสิ้นเปลืองที่ใช้ทางการแพทย์ภายในประเทศ ประกอบกับความต้องการใช้กลุ่มผลิตภัณฑ์ทางการเเพทย์ป้องกันเชื้อโควิด-19 ยังคงมีความต้องการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งจากความต้องการดังกล่าวหนุนให้ยอดขายในไตรมาสดังกล่าวอยู่ในทิศทางเชิงบวก” นางสุนทรีกล่าว

 

 


---SA ติดโผดัชนี FTSE Micro Cap มีผล18มิ.ย.64---


บมจ.ไซมิส แอสเสท (SA) ปลื้มได้รับคัดเลือกเข้าคำนวณดัชนีอ้างอิงระดับสากล FTSE SET Index กลุ่ม Micro Cap จากการคัดเลือกโดยองค์กรระดับโลกอย่าง FTSE Russell ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 18 มิ.ย. 64 นี้ ฟาก "ขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ" ซีอีโอระบุช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนยิ่งขึ้นและทำให้ SA ไปอยู่ในโฟกัสของต่างชาติ ส่วนแผนธุรกิจปีนี้พร้อมเดินหน้าเต็มกำลังมุ่งสร้างการเติบโตเป็นประวัติการณ์ ตั้งเป้ากวาดรายได้ปีนี้กว่า 4,800 ล้านบาท ลุยเปิดตัวโครงการใหม่อีก 4 โครงการ มูลค่าประมาณ 11,350 ล้านบาท เผยตุน Backlog หนา 6,400 ล้านบาท คาดรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 2,300 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ในอีก 3 ปี

มีรายงานข่าวว่า บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) หรือ SA ได้รับการคัดเลือกเข้าคำนวณดัชนีระดับสากล FTSE SET Index จากดัชนีฟุตซี่ (FTSE Russell) ซึ่งร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีการประกาศผลการทบทวนรายชื่อหลักทรัพย์ชุดใหม่ที่จะใช้ในการคำนวณ ซึ่ง SA จัดอยู่ในกลุ่ม FTSE Micro Cap มีผลบังคับใช้หลังราคาปิดของวันที่ 18 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป
ทั้งนี้เกณฑ์การคำนวณ และคัดเลือกหลักทรัพย์ที่จะถูกคำนวณรวมในดัชนี FTSE SET จะต้องผ่านเกณฑ์สภาพคล่อง คือมีค่ามัธยฐาน (median) ของจำนวนหุ้นที่มีการซื้อขายรายวันในแต่ละเดือนต้องไม่ต่ำกว่า 0.05% ของจำนวนหุ้นที่ซื้อขายได้ เป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 10 ใน 12 เดือนก่อนวันที่พิจารณาทบทวนรายชื่อดัชนีในแต่ละรอบ และจะต้องผ่านเกณฑ์การกระจายหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นรายย่อยมากกว่า 15% ขึ้นไป

นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไซมิส แอสเสท ให้ความเห็นว่าการที่หุ้น SA ได้เข้าคำนวณใน FTSE Micro Cap ครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุน และคาดว่าจะทำให้มีโอกาสเป็นที่รู้จักของกลุ่มนักลงทุนในระดับสากลมากยิ่งขึ้น รวมทั้งยังชี้ให้เห็นว่าเป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องที่ดีอีกด้วย ขณะเดียวกันมีนักลงทุนสถาบันต่างประเทศให้ความสนใจติดต่อขอข้อมูล เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจก่อนเข้ามาลงทุน

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SA กล่าวอีกว่า บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตเป็นประวัติการณ์ พร้อมทั้งคงเป้าหมายรายได้ของปี 2564 อยู่ที่ 4,800 ล้านบาท จากการทยอยรับรู้รายได้จากยอดขายอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก ขณะเดียวกันมีแผนกระจายความเสี่ยงการลงทุน โดยวางแผนธุรกิจแบบผสมผสานให้มีความยืดหยุ่น เพื่อขยายฐานรายได้ประจำ (Recurring Income) ทั้งในรูปแบบอสังหาฯ เพื่อเช่า และบริการห้องพักแบบโรงแรม ขณะเดียวกันได้พัฒนาโครงการในรูปแบบ Branded Residence เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้พักอาศัย ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าประเภทซื้ออยู่จริง และนักลงทุน

นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ภายในปีนี้ อีกจำนวน 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 11,350 ล้านบาท ได้แก่ โครงการคอนโดมิเนียมจำนวน 2 โครงการ คือ โครงการ Landmark @ Grand Station บริเวณรามอินทรา มูลค่าโครงการ 4,000 ลบ และโครงการ คอนโดนิเมียม Blossom Condo @ Thung Song Hong ติดรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีทุ่งสองห้อง มูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ลบ และในปีนี้ทางบริษัทมีแผนเปิดโครงการหมู่บ้านแนวราบ ระดับบน อีก 2 โครงการ บริเวณ ถนนพระเทพตัดใหม่ เขตฝั่งธนบุรี มูลค่ารวมทั้ง 2 โครงการ รวมอีกประมาณ 5,350 ลบ ซึ่ง ณ ปัจจุบัน บริษัทฯ มียอดขายรอโอน (Backlog) กว่า 6,400 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 2,300 ล้านบาท (36%) ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงอีก 3 ปีข้างหน้า

อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้บริษัทฯ เล็งเห็นถึงมุมมองของการขายอสังหาริมทรัพย์ผ่านช่องทางที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งบริษัทฯ อยู่ระหว่างการพัฒนาโปรเจกต์ดังกล่าว คาดว่าจะสามารถเห็นความชัดเจนได้ภายในเร็วๆ นี้ ทั้งนี้มั่นใจว่าจะเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงโครงการได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

----จบ-----

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้