
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(6พฤษภาคม 2564)---------ZIGA โชว์หรู เปิดกำไรสุทธิไตรมาส1/64โตทะลักแตะ 30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 198% จากงวดเดียวกันปีก่อน รับผลดีจากปรับกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้าผ่านธุรกิจแฟรนไชส์ ZIGA OUTLET ผนึกพันธมิตรท้องถิ่น พร้อมเปิดบริการขายผ่านออนไลน์ และเพิ่มกลุ่มสินค้าดันรายได้พุ่งแรง ฟาก"ศุภกิจ งามจิตรเจริญ"ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ระบุเดินหน้าเจาะกลุ่มลูกค้าตลาด niche market มากขึ้น ทั้งตลาดซ่อมแซมและตกแต่ง รวมทั้งเพิ่มสัดส่วนสินค้ากลุ่มโรงเรือนเกษตรพืชเศรษฐกิจ กัญชา กัญชง เพื่อผลักดันกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายศุภกิจ งามจิตรเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ซิก้า อินโนเวชั่น (ZIGA) ผู้ผลิตและจำหน่ายท่อเหล็กโครงสร้างประเภท Pre-Zinc แบรนด์ZIGA และท่อร้อยสายไฟแบรนด์ DAIWA ซึ่งเป็นนวัตกรรมสินค้าทดแทนในกลุ่มท่อเหล็กชุบสังกะสี หรือ ท่อเหล็กดำทาสี เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส1/2564 บริษัทฯมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 30.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 198.4 % จากงวดเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิเท่ากับ 10.2 ล้านบาท และล่าสุดมี EBITDA อยู่ที่ระดับ 48.5 ล้านบาท
ขณะที่บริษัทฯมีรายได้รวมไตรมาส1/2564 อยู่ที่ 269.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.1% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้เท่ากับ 226.5 ล้านบาท โดยบริษัทฯมีรายได้จากการขายเท่ากับ 266.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.7% จากงวดเดียวกันปีก่อนมีรายได้จากการขายอยู่ที่ 224.5 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 23.4% เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 15.5%
ปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจาก ปัจจุบันบริษัทเป็นผู้นำในตลาดท่อ Pre-Zinc และยังคงพัฒนาสินค้าเพื่อเพิ่มมูลค่า และต่อยอดธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง โดยเฉพาะการปรับกลยุทธการขายให้เข้ากับยุค"CONVENIENT ECONOMY" โดยมีการขยายฐานลูกค้าไปยังผู้ใช้งานทั้งในส่วนของช่องทางออนไลน์ผนวกกับออฟไลน์ เพื่อสร้างความสะดวกให้กับลูกค้ารายย่อยมากขึ้น
อีกทั้งยังมีการเพิ่มกลุ่มสินค้า ได้แก่ ลวดเชื่อมกัลวาไนซ์ สีทาเหล็กกัลวาไนซ์ เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อจุดประสงค์ในการสร้างความเติบโตให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ และยั่งยืนในระยะยาว ด้วยความยึดมั่นในการบริหารจัดการตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม
"ในไตรมาส1/2564 บริษัทฯปรับกลยุทธ์ในการขยายสาขา outlets โดยการขยายสาขาจากธุรกิจแฟรนไชส์ ซึ่งเป็นโอกาสธุรกิจใหม่ที่สามารถดึงดูดเครื่องข่ายธุรกิจท้องถิ่นมาเป็นกำลังสำคัญในการขยายสาขาโดยจะสร้างพันธมิตรธุรกิจที่เติบโตร่วมกัน พร้อมดำเนินงานการขยายแฟรนชน์ ZIGA OUTLET และขยายสาขาตามเป้าหมายในไตรมาส2/2564 พร้อมทั้งยังดำเนินการ แผนการตลาดที่มุ่งเน้นในการเชื่อมโยงผู้คนมากขึ้น"Connect People" ทั้งในกลุ่มออนไลน์และออฟไลน์"นายศุภกิจกล่าว
ขณะเดียวกัน บริษัทฯได้มีการวางแผนสัดส่วนสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าในตลาดซ่อมแซมและตกแต่งบ้าน อีกทั้งยังเพิ่มสัดส่วนสินค้าในกลุ่มโรงเรือนเกษตรพืชเศรษฐกิจ กัญชา กัญชง ซึ่งจากการทำการตลาด(niche market) มากขึ้น บริษัทฯสามารถสร้างอัตรากำไรที่น่าพอใจในกลุ่มลูกค้าเฉพาะเจาะจงดังกล่าว นอกจากนี้บริษัทฯยังได้รับโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของโครงการสำคัญของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้และอัตรากำไรของบริษัทฯเติบโต
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทฯยังคงมุ่งเน้น 3 กลยุทธ์หลัก เพื่อสร้างการเติบโตของรายได้ต่อเนื่อง ประกอบด้วย 1) การมุ่งเน้นเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น (Margin) จากการขยายช่องทาง Online และพัฒนาช่องทางดังกล่าวให้มีศักยภาพมากขึ้น 2)ขยายแฟรนไชส์ แบบ Outlet ให้มีจำนวนสาขาไม่ต่ำกว่า 60 แห่งในปีนี้ จากปัจจุบันมีอยู่เพียง 4 แห่ง และ3)การขยายสินค้าใหม่ในร้านค้าเดิม (Old Market) ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่สามารถทำมาร์จิ้นได้สูง
ส่วนกลุ่มสินค้าใหม่ ถือเป็นสินค้าที่บริษัทเน้นขายให้กับโครงการขนาดใหญ่ ได้แก่ กลุ่มคอนโดมิเนียม ห้างสรรพสินค้า ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้รับงานจากโครงการดังกล่าวแล้ว และเป็นการดำเนินงานในรูปแบบ B2C จากเดิมเป็น B2B โดยส่วนใหญ่จะเป็นงานสินค้าประเภท ท่อเหล็ก ปลั๊กไฟ โรงเรือนสำหรับปลูกกัญชา 6 ต้น ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการทำการตลาดให้เป็นที่รู้จักแบรนด์สินค้าของ ZIGA เพิ่มมากขึ้น
ขณะที่ INSET เปิดผลงานไตรมาส 1/64 ไม่ทำให้ผิดหวัง กวาดรายได้กว่า 235 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.36% กำไรสุทธิ 22.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.95% งาน Data Center - โทรคมนาคม 5G ไหลเข้าเพียบ รับกระแส WFH หลังโควิด-19 ระบาดรอบใหม่ ฟากผู้บริหาร "ศักดิ์บวร พุกกะณะสุต" มั่นใจผลงานปีนี้ ทุบสถิติใหม่ รายได้โต 15-20% ตามแผน โชว์ Backlog แน่นกว่า 2,283 ล้านบาท เดินหน้าประมูลงานโปรเจคใหม่ต่อเนื่อง
นายศักดิ์บวร พุกกะณะสุต กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินฟราเซท จำกัด (มหาชน) (INSET) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในไตรมาส 1/64 มีรายได้จำนวน 235.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.06 ล้านบาท หรือ 6.36% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน มีรายได้จำนวน 221.04 ล้านบาท กำไรสุทธิ 20.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.80 ล้านบาท หรือ 13.95% โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากงาน Data Center และงานระบบโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม (งาน 5G) เพิ่มขึ้น เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ ทำให้ประชาชนที่ทำงานเวิร์คฟอร์มโฮม (Work From Home) ต้องการใช้ Cloud เพิ่มสูงขึ้น และผู้ประกอบการหรือองค์การต่างๆ มีความต้องการที่จะลงทุนขยาย Data Center กันมากขึ้น โดยปัจจุบันมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) ล่าสุดอยู่ที่ 2,283 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ถึงปี 2565
“มั่นใจว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้ มีโอกาสที่จะทำสถิติสูงสุดใหม่ จากจำนวนงานในมือที่อยู่ในระดับสูง และเตรียมเข้าประมูลงานภาครัฐและเอกชน อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มปริมาณงานในมือ โดยคาดว่ารายได้รวมในปีนี้จะเติบโตประมาณ 15-20% ตามแผนงานที่วางไว้”
กรรมการผู้จัดการ INSET กล่าวอีกว่า แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ จะส่งผลกระทบด้านลบในหลายอุตสาหกรรม แต่ในส่วนของ INSET ในฐานะผู้ให้บริการก่อสร้างศูนย์ข้อมูล (Data Center) และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ, ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและโครงข่ายโทรคมนาคม และธุรกิจซ่อมบำรุงและให้บริการในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคม ได้รับผลทางบวกเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดรอบใหม่ ถือเป็นตัวเร่งที่สำคัญที่ทำให้ผู้ประกอบการตัดสินใจสร้าง หรือขยายศูนย์ Data Center และอัพเกรดอุปกรณ์ 5G เพื่อรองรับการทำงานแบบ Work From Home เพื่อหลีกเลี่ยง และป้องกันผลกระทบการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต
----จบ---