สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (29 มีนาคม 2564)----- นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ICHI เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าผลการดำเนินงานในปี2564 คาดว่าจะมียอดขายแตะที่ระดับ 6,200ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 21.6% หรือเพิ่มขึ้นราวๆ 1,000 ล้านบาท และประเมินผลงานในไตรมาสที่1/64 คาดว่ายอดขายภายในประเทศมีการเติบโตดีขึ้น ขณะที่ภาคการส่งออกยังคงมีแนวโน้มติดลบเช่นเดียวกับปีที่แล้ว

อย่างไรก็ตามภาพรวมของยอดขายในอินโดนีเซียที่เป็นตลาดใหญ่ในต่างประเทศมีแนวโน้มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น คาดว่าจะสร้างกำไรตามส่วนแบ่งการลงทุน 30 ล้านบาทในปี 64 โดยยอดขายที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบันว่ามาจากกลุ่มน้ำวิตามิน หรือผลิตภัณฑ์น้ำที่ไม่ใช่ประเภทชา ที่ปัจจุบันได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องและเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูง

พร้อมกันนี้ บริษัทได้วางกลยุทธ์การดำเนินงานในปี2564 ซึ่งจะมุ่งเน้นในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเพิ่มขึ้น โดยในปีนี้บริษัทมีแผนออกสินค้าใหม่ ประกอบด้วย 1) Ichitan น้ำด่าง Ph8.5 ผสมน้ำวิตามินBรวม ขนาด 550 มล. และขนาด 350 มล. และ 2) Ichitan C200 น้ำวิตามินเสริมภูมิต้านทาน ป้องกันไข้หวัด เสริมผิวสวย

นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งเน้นในกาาทำ OEM เพิ่มมากขึ้นในปี2564 โดยหวังว่าปีนี้จะมีรายได้ในส่วนของ OEM แตะที่ระดับ 300ล้านบาท ซึ่งจะช่วยต่อยอดรายได้ของบริษัทให้เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดย ICHI จะเปิดกว้างและรับทำ OEM ให้กับทุกบริษัทโดยจะจัดสรรการทำงานให้ดี เพื่อสามารถส่งมอบได้ตามเวลาที่ลูกค้าต้องการ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตคงเหลือ 50% มีความเพียงพอต่อธุรกิจOEM และสำหรับการผลิตโปรดักส์ใหม่ๆของบริษัท โดยคาดยอดออเดอร์จากลูกค้าในการทำOEM จะสามารถส่งมอบและเริ่มรับรู้รายได้ใน ไตรมาสที่2/64

ด้านภาพรวมอุตสาหกรรมปีนี้ บริษัทคาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นดีจากปีก่อน โดยมาจากสถานการณ์ของการระบาดโควิด-19 ที่มีความคลี่คลายขึ้น มีวัคซีนซึ่งจะเริ่มฉีดให้กับประชาชนภายในประเทศแล้ว จึงทำให้ผู้คนตื่นตระหนกต่อสถานการณ์ดังกล่าวน้อยลง ขณะที่การเดินทางภายในประเทศปีนี้ได้เริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ แม้ว่ายังไม่สามารถรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาเดินทางท่องเที่ยวในประเทศได้ก็ตาม ประกอบกับการงดเล่นเทศกาลสงกรานต์ในปีนี้ บริษัทมองว่าไม่ได้กระทบต่อยอดขายเพราะยังมีกำลังซื้อเข้ามาจากกลุ่มคนที่เดิมทางท่องเที่ยวอยู่

สำหรับเงินลงทุนในปี2564 บริษัทได้ตั้งงบลงทุนไว้ที่ 200ล้านบาท เพื่อบริหารงานที่เกี่ยวข้องและใช้ลงทุนในการจัดทำสื่อออนไลน์เพื่อเพิ่มยอดขายให้กับผลิตภัณฑ์เป็นหลัก

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีความสนใจที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับกัญชง ออกมาสู่ตลาด โดยหวังที่บริษัทจะเป็นผู้ผลิตในปลายน้ำ เนื่องจากบริษัทเป็นผู้มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการผลิตน้ำชนิดต่างๆ รวมถึงมีโรงงานและมีเครื่องจักรที่มีมาตรฐาที่ดีที่สุด โดยปัจจุบันยังต้องรอสารตั้งต้นที่จะมาใช้ผลิตน้ำต่างๆ ซึ่งคาดว่าจะได้รับในไม่เกิน5เดือนนับจากนี้ ภายหลักที่รัฐบางได้ประกาศอนุญาตให้หลายๆบริษัทสามารถเข้ากัญชาและให้ใบอนุญาตการสกัดกับบางบริษัทแล้ว คาดว่าในปีนี้จะได้เห็นสินค้าที่เกี่ยวข้องกัญชงออกมามากมาย

“ด้วยกระกระแสของเครื่องดื่มสุขภาพ กลุ่มน้ำวิตามินซีและ น้ำประเภทกัญชง ที่กำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้ บริษัทจะใช้กำลังการผลิตส่วนที่เหลือ นำมาผลิตสร้างสินค้าใหม่ๆให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคเพื่อทำกำไรให้กับอิชิตันต่อไป” นายตัน กล่าว

บล.หยวนต้า แนะนำซื้อ ICHI
ราคาเป้าหมาย 17 บาท/หุ้น

บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า คาดรายได้ 1Q64 ราว 1,230 1,250 ลบ. เติบโต 0.6 2.2% QoQ จากรายได้ในประเทศกลุ่มชาเขียวที่จะยังโตได้บนช่องทาง Traditional Trade แต่รายได้ส่งออกยังถูกกดดันจากภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และ COVID-19 ทำให้คาดการเติบโตยังจำกัด และชะลอตัว 3.0 4.5% YoY จากผลกระทบของการระบาด COVID-19 รอบใหม่ทำให้เกิดการ Work from home ส่งผลให้รายได้กลุ่มชาเขียวลดลง คาด SG&A/Sales ที่ 9.5% ลดลงจาก 11.0% ใน 4Q63 เนื่องจากยังไม่มีการออกสินค้าใหม่ที่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายการตลาดเพิ่ม คาดกำไรปกติที่ 95 105 ลบ. (+14.7% ถึง +26.0% QoQ, -39.1% ถึง -33.1% YoY)

คาดรายได้ปี 2564 เติบโต 29%YoY มากกว่าบริษัทฯคาดที่ 20% เพราะเป้าหมายของบริษัทยังไม่ได้รวมสินค้าใหม่ ถึงแม้คาดรายได้การส่งออกจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่รายได้ในประเทศจะเติบโตสูงจาก 1) กลุ่มชาเขียวพร้อมดื่มคาดฟื้นตัวราว 3% YoY จากการกลับเข้าสู่ภาวะปกติหลังสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย 2) รายได้กลุ่มวิตามินจะรับรู้รายได้เต็มปี และจะมีสินค้าใหม่ในกลุ่มนี้อีกอย่างน้อย 2 ชนิดช่วงเดือน เม.ย เราคาดรายได้จากกลุ่มนี้ที่ 1,000 ลบ. เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ที่ 245 ลบ. 3) เตรียมวางจำหน่าย อิชิตัน กรีนแลป เครื่องดื่มผสมเทอร์ปีนจากสมุนไพรในเดือนเม.ย. ในร้าน 7-Eleven และ Hyper Market ทั่วประเทศ ซึ่งสินค้ากลุ่มนี้มี GPM สูงราว 25-30% มากกว่าค่าเฉลี่ยปัจจุบันที่ 20% เราคาดรายได้จากกลุ่มนี้ที่ 320 ลบ. และยังมี Upside จาก Phase ถัดไปคือเครื่องดื่มผสม CBD ซึ่งบริษัทไม่ต้องขอใบอนุญาตในการผลิตเพียงแต่ต้องใช้วัตถุดิบจากโรงสกัดที่ได้รับอนุญาตจากอย. โดยหากมีความชัดเจนด้านกฎหมาย และข้อกำหนดเกี่ยวกับสาร CBD ในอาหารและเครื่องดื่มบริษัทจะสามารถผลิตจำหน่ายได้ทันที เพราะได้จับมือกับพันธมิตรโรงสกัด และได้พัฒนาสินค้าแล้ว 4) ออเดอร์ OEM เครื่องดื่มวิตามินจากลูกค้ารายใหญ่ในประเทศจะเปิดตัวในช่วงสิ้นเดือนมี.ค. และเริ่มรับรู้รายได้ในเดือนเม.ย ด้วยยอดคำสั่งซื้อเริ่มต้นราว 40,000 ลัง/เดือน และมีโอกาสเพิ่มขึ้นมากกว่าที่บริษัทคาด เพราะลูกค้าให้ความสนใจในธุรกิจเครื่องดื่มผสมเทอร์ปีน และอาจมีคำสั่งซื้อเพิ่มเติมนอกเหนือเครื่องดื่มผสมวิตามิน ขณะที่ออเดอร์จาก Asahi จะเริ่มรับรู้รายได้ในเดือน มิ.ย. เป็นต้นไปเราคาดรายได้จากธุรกิจ OEM ในปี 2563 ที่ 300 ลบ. และคาดอัตราการใช้กำลังการผลิตในปี 2564 เพิ่มขึ้นเป็น 62% จากปี 2563 ที่ 52%

ปรับประมาณการกำไร และปรับเป้าหมายขึ้น คงคำแนะนำซื้อ ปรับประมาณการกำไรปี 2564 ขึ้น 3% เป็น 749 ลบ.(+47.7% YoY) แม้ว่าเราจะปรับรายได้ลง 1.1% เพื่อให้ Conservative มากขึ้นในรายได้กลุ่มเครื่องดื่มวิตามินที่เกิดภาวะการแข่งขันสูง โดยปรับรายได้กลุ่มวิตามินลง 17% และรายได้ส่งออกปรับลงราว 17% จากการฟื้นตัวที่อาจช้ากว่าคาด รวมถึง Factor in รายได้เครื่องดื่มผสมเทอร์ปีน แต่ปรับเพิ่ม GPM ขึ้นจาก 21.4% เป็น 21.8% เนื่องจากกำลังการผลิตที่ปรับเพิ่มขึ้นจากสินค้ากลุ่มใหม่ และออเดอร์ OEM รวมถึง Product mix ที่มี GPM เฉลี่ยดีขึ้นจากเครื่องดื่มวิตามิน และเครื่องดื่มผสมเทอร์ปีน ประกอบกับส่วนแบ่งกำไรธุรกิจในอินโดดีกว่าคาดจากการขยายช่องทางจำหน่าย และขยายไปยังประเทศมาเลเซีย จึงปรับประมาณการส่วนแบ่งกำไรเป็น 35 ลบ. จากเดิมที่ 22 ลบ. ส่งผลให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2564 เพิ่มขึ้นเป็น 17.00 บาท (DCF) คงคำแนะนำ ซื้อ

ถ้า DOD คือ OEM เครื่องสำอาง และอาหารเสริมกัญชง ... ICHI คือ OEM เครื่องดื่มกัญชง จากอัตราการใช้กำลังการผลิตเป้าหมายในปี 2564 ของบริษัท รวมการผลิตสินค้า OEM 2 รายดังกล่าว และเครื่องดื่มผสมเทอร์ปีนแล้วจะอยู่ที่ราว 63% ซึ่งบริษัทฯ ยังมีอัตรากำลังการผลิตเหลืออีกค่อนข้างมากและทุกๆหน่วยของการใช้อัตราการผลิตที่เพิ่มขึ้นจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุนคงที่ต่อหน่วย และเพิ่มกำไรให้บริษัท ในขณะที่บริษัทเครื่องดื่มเจ้าอื่นๆ ในประเทศอยู่ในช่วงกำลังการผลิตเต็มจึงเป็นโอกาสของ ICHI บริษัทจึงให้ความสำคัญกับธุรกิจ OEM มากขึ้น มีหลายบริษัทสนใจธุรกิจเครื่องดื่มผสมกัญชง ดังนั้นจึงเป็นโอกาสที่สำคัญ เป็น Upside ต่อประมาณการของเรา เพราะธุรกิจ OEM แม้มี GPM ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยแต่ไม่มีค่าใช้จ่ายด้านการตลาดสูงเท่าแบรนด์ตัวเอง สุทธิแล้วจะมีอัตรากำไรสุทธิสูงกว่าค่าเฉลี่ยของบริษัท ซึ่งรวมไปถึงลูกค้า OEM รายใหญ่รายเดิมของบริษัทที่จ้างผลิตน้ำดื่มวิตามินอยู่แล้ว มีความสนใจในเครื่องดื่มเทอร์ปีนเช่นกัน จึงมีความเป็นไปได้ว่า ICHI จะได้ออเดอร์เพิ่มเติมนอกเหนือจากเครื่องดื่มวิตามินที่มีออเดอร์ 40,000 ลัง/เดือน และจากลูกค้ารายใหม่อื่นๆ เพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้มีโอกาสที่อัตราการใช้กำลังการผลิตของบริษัทจะมากกว่า 63% ที่บริษัทคาดได้

ประมาณการของเรายังมี Upside ราคาหุ้นยังไม่แพง ประมาณการใหม่ของเรายังมี Upside จาก 1) เครื่องดื่มผสมสารสกัด CBD ที่จะเป็น Phase ถัดไปต่อจากเครื่องดื่มผสมเทอร์ปีน คาดหากมีความชัดเจนด้านกฎหมาย บริษัทฯจะสามารถผลิต และจำหน่ายได้ในทันทีโดยไม่ต้องลงทุนเครื่องจักรใหม่เพิ่ม 2) ธุรกิจ OEM มีโอกาสได้ออเดอร์สินค้าใหม่เพิ่มจากลูกค้ารายเดิมทั้ง Asahi หากยอดขายในฟิลิปปินส์มีทิศทางที่ดี และจากลูกค้ารายใหญ่ในประเทศที่ให้ความสนใจในกลุ่มเครื่องดื่มผสมเทอร์ปีน 3) การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการเปิดประเทศจะเป็นปัจจัยบวกต่อการบริโภคในประเทศ รวมถึงอุปสงค์การส่งออก 4) GPM ที่อาจดีกว่าที่เราคาดที่ 21.8% และเป้าหมายบริษัทที่ 22% หากอัตราการใช้กำลังการผลิตของบริษัทฯสูงกว่าที่คาด และยอดขายกลุ่มเครื่องดื่มกัญชงมากกว่าคาด ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ PER64 ที่ 25.2 เท่า เทียบกับ CBG และ OSP ที่ 29.0 เท่า และ 29.4 เท่า ตามลำดับ

---จบ---