Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : PACO พร้อมสู่สนามเทรด 22 มี.ค.นี้ / KWM มุ่งเป้าผู้นำผลิตเครื่องสกัดกัญชงรายแรกของไทย

5,761

HotNews : PACO พร้อมสู่สนามเทรด 22 มี.ค.นี้ / KWM มุ่งเป้าผู้นำผลิตเครื่องสกัดกัญชงรายแรกของไทย

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (19 มีนาคม 2564)  ผู้บริหารและที่ปรึกษาสุดมั่นใจ หุ้น “PACO” เข้าเทรดจันทร์นี้ กระแสแรง หลังจากกระแสหุ้นไอพีโอปีนี้ ล้วนเปิดเทรดสวยงาม ชูจุดเด่นหุ้น Growth กำไรเติบโตแรง 150% แถมตลาดรถยนต์ฟื้นตัวแรงตามเศรษฐกิจ

 

 

 

 

นายสมชาย เลิศขจรกิตติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) (“PACO”) กล่าวว่า บริษัทฯ พร้อมนำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 22 มีนาคม 2564 โดยหุ้น IPO "PACO" ราคาหุ้นละ 1.40 บาท จำนวน 260 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 26% ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมด และมั่นใจว่าจากศักยภาพในการสร้างความเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืนจะช่วยสนับสนุนให้ PACO เป็นหุ้นที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก และเชื่อว่านักลงทุนที่พลาดการจองหุ้นไอพีโอ จะเข้าซื้อในวันแรกนี้ เนื่องจาก PACO มีการเติบโตของกำไรสูงกว่า 150% ในปี 2563 โดยมีกำไรสุทธิเท่ากับ 76.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 46.19 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2562 เนื่องจาก PACO ได้นำเครื่องจักรอัตโนมัติเข้ามาติดตั้งและดำเนินการได้เต็มที่ ส่งผลให้เกิดการปรับกระบวนการทำงานในการผลิตเพื่อควบคุมการใช้แรงงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้สามารถลดต้นทุนค่าแรงและค่าล่วงเวลาได้อย่างมีนัยสำคัญ และบริษัทฯ มั่นใจว่าปีนี้เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย รวมถึงตลาดชิ้นส่วนรถยนต์จะกลับมาฟื้นตัวดีจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ลูกค้ามีกำลังซื้อมากขึ้น

 

PACO เป็นผู้นำในธุรกิจผลิตชิ้นส่วนอะไหล่แอร์รถยนต์ในตลาดชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ทดแทน (REM หรือ Aftermarket) ระดับนานาชาติ ที่มีความสามารถในการแข่งขันสูง มีส่วนแบ่งการตลาดในตลาดอะไหล่รถยนต์ทั่วโลก และบริษัทฯ จะนำเงินจากการเพิ่มทุน เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการจำนวน 108 ล้านบาท ใช้ลงทุนในโครงการอนาคต 2 โครงการ จำนวน 40 ล้านบาท คือ โครงการก่อสร้างคลังสินค้าและย้ายจุดกระจายสินค้าในประเทศจำนวน 20 ล้านบาท และ จัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อเป็นศูนย์กระจายสินค้าและขยายตลาดในประเทศมาเลเซียจำนวน 20 ล้านบาท นอกจากนี้ จะนำไปชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงินจำนวน 200 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและเงินสำรองต่าง ๆ ตามกฎหมาย

 

 

นายวรนันท์ ถาวรนันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย หุ้นไอพีโอ ของ บริษัท เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PACO เปิดเผยว่า หุ้นไอพีโอ PACO ได้รับความสนใจในการจองซื้ออย่างสูงจากกลุ่มนักลงทุน เนื่องจาก บริษัทฯ มีจุดแข็งด้านการเป็นผู้ผลิตและส่งออกชิ้นส่วนแอร์รถยนต์ระดับนานาชาติ และ มีรายได้ที่มีความมั่นคงสูง ไม่แปรผันตามสภาวะเศรษฐกิจโลก โดยหุ้นไอพีโอ ที่ราคา 1.40 บาทต่อหุ้น เป็นราคาที่เหมาะสม เมื่อเปรียบเทียบกับ P/E ของหุ้นในกลุ่มชิ้นส่วนรถยนต์ของไทย โดยกลุ่มนักวิเคราะห์คาดว่าปีนี้เศรษฐกิจทั่วโลกและเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัว ซึ่งเป็นผลดีต่อบริษัทฯ ที่มีผลประกอบการที่เติบโตอย่างมั่นคง และมีจุดแข็งด้านการผลิตด้วยเทคโนโลยีระดับสูง มีผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง รองรับรถยนต์และรถบรรทุกทุกประเภท โดยการระดมทุนครั้งนี้ นอกจากเพื่อคืนหนี้สถาบันการเงินแล้ว ยังเป็นการเพิ่มสภาพคล่องในการขยายกิจการ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

 

 

 

บริษัท เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PACO มีทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท ก่อตั้งมาแล้วกว่า 30 ปี เป็น 1 ในผู้บุกเบิกการผลิตชิ้นส่วนแอร์รถยนต์ของไทย และได้พัฒนาผลิตภัณฑ์อะไหล่แอร์รถยนต์แบบครบวงจร และจำหน่ายสินค้าทั้งภายในและต่างประเทศ ได้แก่ ทวีปอเมริกาเหนือ ยุโรป อเมริกาใต้ เอเชียและออสเตรเลีย โดยบริษัทฯ มีผลิตภัณฑ์หลักได้แก่ คอยล์ร้อน และคอยล์เย็น ครอบคลุมทั้งรถยนต์ทุกสัญชาติ ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น ยุโรป และอเมริกัน โดยมีสินค้ารวมมากถึง 2,600 รุ่นซึ่งครอบคลุมเกือบทุกรุ่นของคอยล์ร้อนและคอยล์เย็นทั่วโลก โดยบริษัทฯ มีโรงงานผลิต 3 แห่ง ตั้งอยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร และศูนย์กระจายสินค้า 1 แห่ง ตั้งอยู่ในเขตบางบอน กรุงเทพมหานคร บริษัทฯ ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล ISO 9001:2015

 

 

 

 

 

 

 

ด้าน บมจ.เค. ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค (KWM) ประกาศเดินหน้าเต็มสูบ หลังบอร์ด ไฟเขียว ตั้ง 2 บริษัทย่อย ปูทางลงทุนสู่การเป็นผู้นำการผลิตเครื่องสกัดพืชผลทางการเกษตร (Non-Cannabis) และผลิตเครื่องสกัดเพื่อให้บริการรับสกัดกัญชง และกัญชา (Cannabis) ตั้งแต่ต้นน้ำ ยันปลายน้ำ รายแรกของประเทศ สบช่องการแตกไลน์ธุรกิจใหม่ขยายช่องทางสร้างมูลค่าเพิ่ม หวังปั้นรายได้การเติบโตในอนาคตอย่างมีนัยสำคัญ

 

 

นายเอกพันธ์ วนโกสุม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เค.ดับบลิว. เม็ททัล เวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ KWM ผู้นำในการประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ที่ใช้ในการเกษตรและมีประสบการณ์ด้านงานวิศวกรรมเครื่องกลและผู้นำในการผลิตเครื่องสกัดสารสกัดจากพืชสมุนไพร เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติจัดตั้ง 2 บริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท แล็บแอคทีฟ จำกัด ทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท โดย KWM ถือหุ้น 51% เพื่อดำเนินธุรกิจการสกัด แปรรูปวัตถุดิบที่ได้จากพืชผลทางการเกษตร และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและสกินแคร์ พร้อมทั้งยังได้อนุมัติจัดตั้ง บริษัท เคดับบลิวเอ็ม แคนนาบิเทค จำกัด ด้วยทุน จดทะเบียน 20 ล้านบาท โดย KWM เข้าถือหุ้น 99.70% เพื่อดำเนินให้บริการสกัดกัญชง-กัญชา

 

 

สำหรับวัตถุประสงค์การจัดตั้งบริษัทย่อยทั้ง 2 บริษัทในครั้งนี้ เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดการสกัดสารด้วยเทคโนโลยีการสกัดด้วยระบบ Supercritical Fluid Co2 และเพื่อให้เกิดความชัดเจนในโครงสร้างการจัดการ โดยบริษัท แล็บแอคทีฟ จำกัด จะเน้นการสกัดพืชผลทางการเกษตรอื่นๆ (Non-Cannabis) ซึ่งเป็นส่วนผสมสำคัญในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและสกินแคร์ต่างๆ ซึ่งจะเป็นการลงทุนร่วมกับ ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง ในขณะที่ บริษัท เคดับบลิวเอ็ม แคนนาบิเทค จำกัด จะมุ่งเน้นให้บริการในการรับสกัดกัญชง และกัญชา (Cannabis) เป็นหลัก

 

 

จากความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์การเป็นผู้ผลิตเครื่องจักรด้านการเกษตรมากว่า 10 ปี และมีการคิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่รองรับความต้องการใช้งาน และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและเครื่องสกัดสารด้วยระบบ Supercritical Fluid Co2 Extraction รวมถึงเครื่องสกัดสารด้วยระบบUltrasonic Extraction เพื่อการสกัดสารจากพืชกัญชา ถือว่าเป็นการแตกไลน์ธุรกิจใหม่ ที่สอดรับกับธุรกิจเดิมของ KWM

 

 

ทั้งนี้เนื่องจากบริษัทฯสามารถนำเครื่องจักรและเทคโนโลยี ที่มีอยู่มาต่อยอดธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่ง KWM ถือว่าเป็นบริษัทผู้ประกอบการรายแรกของประเทศที่ดำเนินธุรกิจในการผลิตเครื่องสกัดสำหรับสกัดสารจากพืชสมุนไพร รวมกับ กัญชง-กัญชา เนื่องจากเครื่องสกัดส่วนใหญ่จะเป็นการนำเข้าจากต่างประเทศ ดังนั้นการที่ KWM สามารถผลิตเครื่องสกัดดังกล่าวเพื่อตอบโจทย์ผู้ประกอบการ จะส่งผลให้เหล่าบรรดาผู้ประกอบการสามารถลดงต้นทุนค่าใช้จ่ายจากการนำเข้าเครื่องสกัดดังกล่าวได้อย่างมีนัยสำคัญ

 

 

การจัดตั้ง 2 บริษัทย่อยในครั้งนี้ ถือเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นในการพัฒนาธุรกิจตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำสู่ปลายน้ำ ซึ่งการขยายไลน์ในธุรกิจใหม่ จะส่งผลให้ภาพรวมผลการดำเนินงานของ KWM เติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต นอกจากนี้บริษัทฯได้ตั้งเป้ารายได้ จากยอดขายธุรกิจหลักคือ การผลิต เครื่องจักร อุปกรณ์ อะไหล่ ทางการเกษตร ในปี 2564 ไว้ที่ระดับ 400 ล้านบาท ซึ่งยังไม่นับรวมธุรกิจที่มีการแตกไลน์ออกไป

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้