Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : PACO เคาะราคาไอพีโอ 1.40 บาท เล็งเทรด 22 มี.ค.นี้

2,373


HotNews : PACO เคาะราคาไอพีโอ 1.40 บาท เล็งเทรด 22 มี.ค.นี้ 

 

 


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (9 มีนาคม 2564) "PACO" บมจ. เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ ผู้นำด้านการผลิตและจัดจำหน่ายชิ้นส่วนแอร์รถยนต์ ระดับอินเตอร์ (REM) เคาะราคาเสนอขาย IPO หุ้นละ 1.40 บาท ดีเดย์เปิดจองระหว่างวันที่ 10-12 มี.ค.นี้ พร้อมแต่งตั้ง บมจ.บล. คิงส์ฟอร์ด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย คาดพร้อมเข้าเทรด 22 มีนาคม นี้

 

 

 

นายสมชาย เลิศขจรกิตติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) ("PACO") กล่าวว่า " PACO เป็น 1 ในผู้ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่แอร์รถยนต์ทดแทนชั้นนำของไทยมาอย่างต่อเนื่องกว่า 30 ปี โดยมีผลิตภัณฑ์หลัก คือ คอยล์ร้อน (Condenser) และคอยล์เย็น (Evaporator) โดย PACO เป็นผู้นำในตลาดอะไหล่รถยนต์ทดแทน (Aftermarket) ภายใต้แบรนด์ 'PACO' สำหรับรถยนต์หลากหลายประเภท ครอบคลุมทุกเซ็กเม้นท์ ตั้งแต่ รถยนต์นั่งญี่ปุ่นยอดนิยม เช่น Toyota Honda Mazda Mitsubishi รถกระบะทุกขนาดตั้งแต่ 1 ตัน เช่น Toyota Isuzu Mazda Mitsubishi Nissan จนถึงรถบรรทุกขนาดใหญ่ รวมไปถึงรถยนต์อเนกประสงค์ (SUV- PPV) รถหรู เช่น Mercedes Benz BMW VOLVO Audi ตลอดจนรถซุปเปอร์คาร์ อาทิ Porsche Lamborghini โดยเรามีสินค้ามากกว่า 2,600 รุ่น ครอบคลุม รุ่นรถยนต์ต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งเป็นจุดเด่นที่แตกต่างจากบริษัทฯ อื่น โดย PACO มีแผนกวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์แอร์รถยนต์รุ่นต่างๆ และสามารถพัฒนาคุณภาพสินค้าให้เป็นที่ยอมรับระดับนานาชาติ ด้วยมาตรฐานสากล ISO 9001:2015 และส่งออกผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายทั่วโลก ทั้งทวีปอเมริกาเหนือ ยุโรป อเมริกาใต้ แอฟริกา เอเชียและออสเตรเลีย

 

 

 

"บริษัทฯ ได้แต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย หุ้นเพิ่มทุนของบริษัทฯ ต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 260 ล้านหุ้นโดยกำหนดราคาเสนอขาย ที่ราคา 1.40 บาท/หุ้น (มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท) หรือคิดเป็น 26% ของทุนจดทะเบียนหลัง IPO คิดเป็นมูลค่าการระดมทุนประมาณ 364 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีวัตถุประสงค์หลักจะนำเงินจากการเพิ่มทุน เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายกิจการต่างๆ การลงทุนในโครงการอนาคต โครงการก่อสร้างคลังสินค้าและย้ายจุดกระจายสินค้าในประเทศ และจัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อเป็นศูนย์กระจายสินค้าและขยายตลาดในประเทศมาเลเซีย เพื่อสร้างการเติบโตให้บริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและเงินสำรองต่าง ๆ ตามกฎหมาย"

 

 

 

นายวรนันท์ ถาวรนันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย หุ้นไอพีโอ ของ บริษัท เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PACO เปิดเผยว่า "บริษัทฯคาดว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างสูงเนื่องจาก PACO เป็นผู้นำในธุรกิจผลิตชิ้นส่วนอะไหล่แอร์รถยนต์ในตลาดชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ทดแทน (REM หรือ Aftermarket) ระดับนานาชาติ ที่มีความสามารถในการแข่งขันสูง มีส่วนแบ่งการตลาดในตลาดอะไหล่รถยนต์ทั่วโลก และ PACO มีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิระดับสูง

 

 

โดยในปี 2563 PACO มีกำไรสุทธิเท่ากับ 76.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 46.19 ล้านบาท คิดเป็น 150.63% เมื่อเทียบกับปี 2562 เนื่องจาก PACO ได้นำเครื่องจักรอัตโนมัติเข้ามาติดตั้งและดำเนินการได้เต็มที่ ส่งผลให้เกิดการปรับกระบวนการทำงานในการผลิตเพื่อควบคุมการใช้แรงงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้สามารถลดต้นทุนค่าแรงและค่าล่วงเวลาได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ หุ้นไอพีโอของ PACO ที่ 1.40 บาท ต่อหุ้น เป็นราคาที่เหมาะสม เมื่อเปรียบเทียบกับ PE ของหุ้นในกลุ่มชิ้นส่วนรถยนต์ของไทย โดยกลุ่มนักวิเคราะห์ คาดว่าปีนี้ เศรษฐกิจทั่วโลก และ เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัว เป็นผลดีต่อบริษัทฯ ที่มีผลประกอบการที่เติบโตอย่างมั่นคง และ มีจุดแข็งด้านการผลิต ด้วยเทคโนโลยีระดับสูง มีผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง รองรับรถยนต์และรถบรรทุกทุกประเภท โดยการระดมทุนครั้งนี้ นอกจากเพื่อคืนหนี้สถาบันการเงินแล้ว ยังเป็นการเพิ่มสภาพคล่องในการขยายกิจการ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

 

 

 

ทั้งนี้ บริษัทฯ จะเปิดให้นักลงทุนทั่วไปจองซื้อได้ในระหว่างวันที่ 10-12 มีนาคม 2564 ผ่านกลุ่มบริษัทผู้จัดจำหน่าย ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด และมีกำหนดการจะเริ่มเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในวันที่ 22 มีนาคม 2564 นี้

 

 

 

บริษัท เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PACO มีทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท ก่อตั้งมาแล้วกว่า 30 ปี เป็น 1 ในผู้บุกเบิกการผลิตชิ้นส่วนแอร์รถยนต์ของไทย และได้พัฒนาผลิตภัณฑ์อะไหล่แอร์รถยนต์แบบครบวงจร ทั้ง คอยล์ร้อน และคอยล์เย็น สำหรับรถที่มียอดจำหน่ายปานกลางถึงสูง ทั้งรถญี่ปุ่น ยุโรป และอเมริกัน รวมมากถึง 2,600 รุ่น โดยบริษัทฯ มี โรงงานผลิต 3 แห่ง ตั้งอยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร และศูนย์กระจายสินค้า 1 แห่ง ตั้งอยู่ในเขตบางบอน กรุงเทพมหานคร บริษัทฯ ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล ISO 9001:2015 และได้จำหน่ายสินค้าภายในประเทศ และ ส่งออกไปทวีปอเมริกาเหนือ ยุโรป อเมริกาใต้ เอเชียและออสเตรเลีย"

 


  นายสมชาย กล่าวเพิ่มเติมว่า แผนการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทคาดว่ารายได้ในปี 2564 จะเติบโตดีกว่าปีที่แล้วตามตลาดรถยนต์ที่ฟื้นตัวขึ้นโดยในปี 2563 บริษัททำรายได้ไป 678 ล้านบาท เติบโตส่วนทางกับสถานการณ์ โควิด-19 ซึ่งเกิดจากการลดค่าแรงงานการผลิตที่ส่งผลให้เกิดต้นทุนการผลิตต่ำลงและทำให้กำไรคันต้นของบริษัทสูงขึ้นซึ่งมาจากการมีเครื่องจักรแบบอัตโนมัติที่ช่วยให้ลดกำลังการผลิตแบบคนลงไปได้

 

 


สัดส่วนรายได้ของธุรกิจประกอบด้วย รายได้จากตลาดอะไรรถยนต์ทดแทน(After Market) คิดเป็น90% และรายได้จากการทำOEM จำนวน10% โดยเป็นรายได้จากการส่งออก 53% และรายได้ภายในประเทศ 47% ซึ่งจะรับรู้รายได้ในไทยช่วงเดือนมีนาคมถึงกรกฎาคมเป็นช่วงที่รายได้ดีมากที่สุดในขณะที่ต่างประเทศอยู่ที่ช่วงเดือนเมษายนถึงกันยายน แม้ว่าในช่วงฤดูหนาวจะส่งผลให้มีรายได้ลดลงเล็กน้อยแต่ไม่ได้กระทบถึงธุรกิจอย่างมีนัยยะสำคัญนัก

 

 


ปัจจุบันบริษัทมีอะไหล่รถยนต์ทดแทนทุกยี่ห้อรถยนต์หรือรวมกว่า 1800 รุ่น ซึ่งในประเทศไทยมีรุ่นที่นิยมใช้งานอยู่ประมาณ 300- 400 รุ่น

 

 

 

เงินที่ได้จากการระดมทุนภายหลังการเข้าตลาดบริษัทจะนำไปขยายกิจการ ประกอบก้วย การสร้างWarehouse ในไทย จำนวน 1 หลัง มูลค่างาน 20 - 25 ล้านบาท และมีโครงการขยายช่องทางการขายไปที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งจะใช้งบลงทุนราว 20 ล้านบาท นอกจากนี้จะนำเงินมาใช้เพื่อขยายการติดตั้งSolar roof top ซึ่งจะช่วยให้บริษัทประหยัดค่าไฟไปได้เก้าล้านบาทต่อปีโดยจะใช้งบลงทุน 38 ล้านบาท รวมถึงการขยายเครือข่ายร้านค้าพันธมิตรกับบริษัทภายใต้ชื่อ PACO Auto hub โดยจะใช้เงินลงทุน 5 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการทำ Marketing และตกแต่งร้านค้าของพันธมิตรโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดให้กับทางร้าน เพื่อให้ร้านที่เข้าร่วมช่วย promote สินค้าของบริษัทอย่างเดียว โดยปัจจุบันบริษัทมีพันธมิตรกว่า 150 แห่ง และคาดว่าในปีนี้จะผลักดันให้มีร้านค้าที่เข้าร่วมเพิ่มขึ้นเป็น 200 แห่ง และส่วนที่เงินที่เหลือจะนำไปเป็นเงินทุนหมุนเวียนและจ่ายคืนให้กับสถาบันการเงิน

 

 

สำหรับการจัดทำ PACO AUTO HUB บริษัทเพิ่งเริ่มทำได้ไม่นานนักซึ่งจัดทำเป็นแผนระยะยาว3-5 ปี คาดว่าในอนาคตจะเป็นเครือข่ายที่มีพันธมิตรเติบโตขึ้นอย่างมาก โดยปัจจุบันบริษัทมีร้านค้าที่ขายสินค้าของPACO ในประเทศไทยกว่า 300แห่ง ที่คาดว่าจะทยอยเข้าร่วมเป็นพันธมิตรเรื่อยๆ และจะเป็นตัวหนุนให้รายได้ของบริษัทเติบโตตามไปด้วย

 

 

ปัจจุบันบริษัทมีคู่แข่งในตลาดหลักทรัพย์เพียงรายเดียวในไทยส่วนที่เหลือเป็นต่างประเทศซึ่งมีสัดส่วนไม่มากนักประกอบกับการประเมินมูลค่าตลาดรถยนต์ในไทยพบว่ามีการใช้รถยนต์มากกว่า 18ล้านคัน และจำเป็นจะต้องใช้บริการและใช้สินค้าที่บริษัทผลิตเฉลี่ย 1.8 ล้านคันต่อปี ซึ่งมูลค่าตลาดรวมมีมากกว่า 10,000 ล้านบาท ประกอบกับชิ้นส่วนคอยล์ร้อน และคอยล์เย็น เป็นชิ้นส่วนที่บริษัทMarket Share ในตลาดเป็นอันดับหนึ่งและคาดว่าจะมีโอกาสขยายสัดส่วนในอนาคตได้มากขึ้นอีกด้วย

 

 

สำหรับราคาไอพีโอที่ 1.40 บาท บริษัทมองว่าเป็นราคาที่เหมาะสมไม่แพงและในอนาคตก็บริษัทก็มีทิศทางในการเติบโตต่อไปได้อีก ซึ่งภายหลังการโรดโชว์ในวันนี้นักลงทุนได้ให้ความสนใจและมีการตอบรับเป็นอย่างดี

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้