HotNews: BGRIM ตั้งธง EBITDA ปี 64 แตะ 30%

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (19 กุมภาพันธ์ 2564)------------BGRIM ตั้งเป้า EBITDA ปี64 เพิ่มเป็น30% หลังลุย COD โครงการใหม่ -โครงการ M&A หนุน พร้อมวางงบลงทุน 4.5หมื่นลบ. เดินหน้าลงทุนโครงการโรงไฟฟ้า -ทำดีล M&A แย้มเล็งออกหุ้นกู้ 5-7พันลบ.ปีนี้

นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) BGRIM เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อม (EBITDA) ในปี 2564 เพิ่มเป็น 30% จากปีก่อนคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 29% จากการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในโครงการใหม่ๆ เพิ่มเติม ประกอบด้วย โรงไฟฟ้ากังหันลมใน จ.มุกดาหาร ขนาดกำลังการผลิต 16 เมกะวัตต์, โครงการโซลาร์รูฟท็อป ขนาด 15-20 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม ที่สนามบินอู่ตะเภา ขนาดกำลังการผลิต 15 เมกะวัตต์ รวมถึงอาจได้โครงการใหม่ๆเข้ามาเพิ่มเติมจากการเข้าทำธุรกิจ M&A ในปีนี้ ประกอบกับความคาดหวังการได้งานจากลูกค้าเพิ่มเติมจากการขยายตัวของโรงงานในเขตนิคมอุตสาหกรรมมากขึ้น

พร้อมกันนี้ บริษัทได้วางงบลงทุนในปี 2564 ราว 4.5 หมื่นล้านบาท โดย50%ของงบลงทุนจะนำไปใช้ลงทุนโรงไฟฟ้าส่วนต่างๆที่ได้รับPPA ทั้งหมด 7 โครงการ รวมกำลังการผลิตติดตั้ง 180 เมกะวัตต์ และอีก50% จะนำไปลงทุนในธุรกิจM&A แบ่งเป็นธุรกิจในประเทศไทย 200-360 เมกะวัตต์ และในต่างประเทศ 200-250 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าที่เป็นส่วนต่อขยายอีก 120-150 เมกะวัตต์ รวมถึงยังมีโครงการที่เตรียมเข้าประมูล ประกอบด้วย โครงการโรงไฟฟ้าก๊าซในประเทศเวียดนาม และโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศเวียดนามและเกาหลี กำลังการผลิตรวม 1,000 - 1,200 เมกะวัตต์

ขณะที่ปัจจุบัน บริษัทฯ ได้เป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทผลิตสาหร่ายในประเทศมาเลเซีย เพื่อร่วมกันศึกษาการแปลงสาหร่ายให้กลายเป็นน้ำมันเพื่อใช้ในโรงไฟฟ้าแทนพลังงานถ่านหิน เนื่องจากเป็นเชื่อเพลิงที่มีต้นทุนต่ำกว่าถ่านหินมาก ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านการบริหารงานของโรงไฟฟ้า และช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้ารับงานและลงทุนในโรงไฟฟ้าที่ยังใช้เชื้อเพลิงแบบเก่า โดยโครงการดังกล่าวคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในอีก 3 เดือนข้างหน้า

สำหรับสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศเมียนมา ภายหลังเกิดการรัฐประหารเกิดการประท้วงของผู้ชุมนุม ส่งผลให้บริษัทชะลอการลงทุนออกไปก่อน จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ส่วนการชะลอการจ่ายไฟฟ้าในสาธารณรัฐประชาชนลาวนั้น บริษัทฯ ขอชี้แจงว่าไม่ได้รับผลกระทบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด เนื่องจากยังคงรับรายได้ในรูปแบบของสกุลเงินดอลลาร์จากการไฟฟ้าประเทศลาวตามปกติ

“ปัจจุบันบริษัทมีโปรเจ็คโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในประเทศลาว 7 โครงการ รวมกำลังการผลิต 100 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทจะชะลอการดำเนินการออกไปก่อน และติดตามประเมินสถานการณ์ในลาวอีกครั้งจนกว่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น ส่วนงานติดตั้งโซลาร์ให้กับกองทัพบก ซึ่งทางกองทัพได้ร่วมมือกับEGAT ไปแล้วนั้น บริษัทยังคงรอความชัดเจนว่าทางกองทัพบกจะมีเปิดโอกาสให้BGRIMได้ทำความร่วมมือด้วยหรือไม่ ซึ่งเบื้องต้นทางโครงการได้ดำเนินการติดตั้งไปแล้วในเฟสแรก จำนวน300 เมกะวัตต์ จากทั้งหมด 3,000 เมกะวัตต์” นายฮาราลด์ กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทได้เตรียมออกหุ้นกู้ราว 5,000-7,000 ล้านบาท เพื่อนำเงินที่ได้ไปลงทุนซื้อกิจการตามแผนปีนี้ โดยปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสด (Cash flow) อยู่ที่ 2หมื่นล้านบาท และยังมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานทุกๆปี ราว1.5หมื่นล้านบาท