Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews: SCN คว้างานซ่อมสถานีบริการก๊าซฯ ปตท. กว่า 195 ลบ. /SA วางหมากปี64 รายได้แตะ 5-6 พันลบ.

3,105

HotNews: SCN คว้างานซ่อมสถานีบริการก๊าซฯ ปตท. กว่า 195 ลบ. /SA วางหมากปี64 รายได้แตะ 5-6 พันลบ.


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (27 มกราคม 2564)——SCN ลงนามสัญญาซ่อมบำรุงรักษาสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ (NGV) ปตท. มูลค่ากว่า 195 ล้านบาท มีระยะเวลาสัญญา 2 ปี มูลค่ากว่า 195 ล้านบาทแล้ว ทยอยรับรู้รายได้ทันที

 

 


ดร.ฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN ผู้นำด้านธุรกิจพลังงาน พลังงานหมุนเวียน และยานยนต์ที่ใช้พลังงานทางเลือก เผยข่าวใหญ่รับต้นปีหลัง SCN โชว์ศักยภาพแกร่ง คว้าสัญญาซ่อมบำรุงรักษาสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ (NGV) ให้กับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) แล้ววันนี้ มีระยะเวลาสัญญา 2 ปี มูลค่ากว่า 195 ล้านบาทแล้ว ทยอยรับรู้รายได้ทันที

 

โดย SCN ผู้ได้รับฉายาว่าเป็น 'The King of NGV' ที่ผลิตและให้บริการเกี่ยวกับก๊าซธรรมชาติด้วยความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้านระบบก๊าซธรรมชาติเป็นอย่างดี เริ่มดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับ NGV มาตั้งแต่ยุคแรกๆที่ประเทศไทยเริ่ม นำ NGV เข้ามาเป็นพลังงานทางเลือกที่สะอาดแก่ยานยนต์ เป็นทั้งผู้สร้างสถานี ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์หลักแก่สถานีบริการก๊าซธรรมชาติ กว่า 50% ของสถานีทั้งหมดในประเทศ จนกระทั่งเป็นผู้บุกเบิกการนำก๊าซธรรมชาติเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม เพื่อสนับสนุนเชื้อเพลิงทางเลือกที่ประหยัด และสะอาดแก่ภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างและมีส่วนร่วมต่อการพัฒนาในวงการก๊าซธรรมชาติให้แก่ประเทศไทยอย่างมาก

 

วันนี้ SCN นอกจากจะยังคงศักยภาพผู้นำของการผลิตและให้บริการNGV ยังคงได้รับความไว้วางใจอย่างต่อเนื่องเพื่อรับหน้าที่ผู้บริหาร จัดการ ดำเนินการ ควบคุม ดูแล งานปฏิบัติการและงานซ่อมบำรุง เพื่อให้ ปตท. สามารถจำหน่ายก๊าซธรรมชาติได้อย่างต่อเนื่อง สมบูรณ์ ถูกต้องตามกฎหมาย ข้อกำหนด และมาตรฐานวิศวกรรม อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลรวมถึงคุณภาพ แก่สถานีบริการก๊าซธรรมชาติทั่วกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งมีจำนวนสถานีรวมกว่า 150 สถานี ด้วยทีมบุคคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ และมีประสิทธิภาพ กระจายครอบคลุมทั่้วประเทศ

 

การลงนามสัญญาซ่อมบำรุงรักษาสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ (NGV) ครั้งนี้ เป็นอีกผลงานสำคัญที่สะท้อนชัดว่า SCN เป็นผู้นำเบอร์ 1 ในธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ที่หลากองค์กรใหญ่ต่างยินดีร่วมงาน ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลบวกต่อผลประกอบการของบริษัทในระยะยาวอย่างมั่นคงอีกด้วย

 


ด้าน SA ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร กางแผนปี 2564 เดินหน้าเปิด 2 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 6 พันล้านบาท พร้อมประเมินสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ ชี้มีผลกระทบระยะสั้น ส่วนด้านธุรกิจมองว่ามีปัจจัยบวก ทั้งการที่เริ่มมีวัคซีนเข้ามา และดอกเบี้ยต่ำเพราะค่าเงินบาทแข็งซึ่งจะช่วยเสริมให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น พร้อมตั้งเป้ารายได้ประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาท รุกกระจายการลงทุนหลากหลาย ทั้งอสังหาฯ เพื่อเช่าและบริการห้องพัก โครงการ Branded Residence หรือเข้าซื้อสินทรัพย์ NPA เพื่อนำมาพัฒนาต่อ พร้อมอยู่ระหว่างศึกษาแผนจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อระดมทุนขยายธุรกิจ

 

 


นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) หรือ SA ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ภายใต้แนวคิด 'Asset of Life สร้างกำไรให้กับทุกการใช้ชีวิต' เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยในปี 2564 คาดว่าจะมีการแข่งขันสูงอย่างต่อเนื่อง โดย ผู้ประกอบการหลายบริษัทต้องปรับตัวและวางกลยุทธ์เชิงรุก เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะกลุ่ม Real Demand ที่เป็นผู้ซื้อเพื่อการอยู่อาศัยจริง ดังนั้นผู้ประกอบการจึงต้องให้ความสำคัญกับการออกแบบโครงการเพื่อสร้างความแตกต่างและเพิ่มความคุ้มค่าในการอยู่อาศัย

 

บริษัทฯ มุ่งเน้นพัฒนาโครงการบนทำเลที่มีศักยภาพ ตลอดจนสร้างความแตกต่างของโครงการในแต่ละทำเล ซึ่งโครงการส่วนใหญ่ของบริษัทฯ ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมือง ย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) และย่านศูนย์กลางธุรกิจใหม่ (New CBD) โดยมีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญออกแบบโครงการ พร้อมนำนวัตกรรมและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มาใช้ เพื่อสร้างจุดเด่นให้กับแต่ละโครงการ และยกระดับคุณภาพการอยู่อาศัยภายใต้สิ่งแวดล้อมที่ดี ให้สามารถตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยและเพื่อลงทุนในระยะยาว

 

สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ คาดว่าจะมีผลกระทบในระยะสั้น อีกทั้งหากประเมินในเชิงธุรกิจ มองว่ายังมีปัจจัยบวก ทั้งการที่เริ่มมีวัคซีนเข้ามาและดอกเบี้ยต่ำลง หลังค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ซึ่งจะช่วยเสริมให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นในปีนี้

 

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SA กล่าวว่า ในปี2564 บริษัทฯ วางเป้าหมายก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรระดับประเทศ โดยตั้งเป้ารายได้แตะ 5,000 - 6,000 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายรอโอน (Backlog) กว่า 7,300 ล้านบาท ในจำนวนนี้คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 2,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 3 ปีข้างหน้า

 

นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ 2โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งมุ่งเน้นทำเลเกาะติดแนวรถไฟฟ้า และมี Real Demand ของผู้อยู่อาศัย ได้แก่ 1) โครงการคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า มูลค่าโครงการกว่า 2,000 ล้านบาท อยู่ระหว่างการซื้อที่ดิน และการออกแบบโครงการ และ 2) โครงการ Blossom Condo @ Fashion 3 ย่านรามอินทรา ใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพู มูลค่าโครงการประมาณ 4,000 ล้านบาท จะพัฒนาเป็น Mixed-use Real Estate ประกอบด้วย โรงแรม ห้องชุดพักอาศัย ห้องชุดแบบมีบริการให้เช่า พื้นที่เชิงพาณิชย์ และห้องประชุมโครงการ คาดว่าจะสามารถเปิดตัวได้ภายในไตรมาส 1/2564

 

พร้อมกันนี้ บริษัทฯ มีแผนเข้าซื้อ NPA และนำมาพัฒนาต่อเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มแก่โครงการอย่างต่อเนื่อง เน้นทำเลใจกลางเมืองที่มีศักยภาพ เช่น โซนสุขุมวิท โดยมองว่าในช่วงที่เกิดภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวเป็นโอกาสซื้อสินค้าทรัพย์ในราคาที่เหมาะสม ทั้งนี้บริษัทฯ วางแผนเพิ่มสัดส่วนทรัพย์สิน NPA ในทำเลดังกล่าวเพิ่มขึ้นอีก 2 เท่าในอนาคต

 

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SA กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ กระจายความเสี่ยงการลงทุนในช่วงที่ผ่านมา โดยวางแผนธุรกิจแบบผสมผสานและยืดหยุ่นเพื่อขยายฐานรายได้ประจำ (Recurring Income) ทั้งในรูปแบบอสังหาฯ เพื่อเช่าและบริการห้องพักแบบโรงแรม ปัจจุบันมีโครงการรูปแบบดังกล่าวในพอร์ตกว่า 1,000ยูนิต ขณะเดียวกันได้พัฒนาโครงการในรูปแบบBranded Residence โดยจัดตั้ง บริษัท ไซมิส แอนด์ คิว กรีน เมเนจเมนท์ คอมพานี ไทยแลนด์ ซึ่งเป็นความร่วมมือกับกลุ่ม Kew Green Hotels เพื่อรองรับการบริหารธุรกิจโรงแรมโดยเฉพาะ ซึ่งจะนำบริการของโรงแรมชั้นนำระดับโลกหลากหลายแบรนด์ เช่นWyndham, Ramada ,The Crowne Plaza by IHG ,Cassia by Banyan Tree เข้ามาบริหารอาคารพักอาศัยประเภทคอนโดมิเนียม ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากจากนักลงทุน ถือว่าเป็นจุดเด่นที่แตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นๆ โดยตั้งเป้าดึงแบรนด์มีชื่อเสียงเหล่านั้นเข้ามาร่วมขยายโครงการรูปแบบ Branded Residence ตามพื้นที่ชานเมืองหรือจังหวัดหัวเมืองใหญ่ที่มีศักยภาพ

 

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้กระจายการลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ได้แก่ ธุรกิจด้านอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage) เช่น ร้านกาแฟแบรนด์ Kafeology ร้านอาหารไทย Rosemary เป็นต้น ขยายการลงทุนในธุรกิจสปาและ Wellness Center รวมถึงอยู่ระหว่างศึกษาการจัดตั้งทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) เพื่อเข้าลงทุนในโครงการอสังหาฯ ที่มีรายได้จากค่าเช่า เช่น โรงแรม อาคารชุดพักอาศัยพร้อมบริการ (Serviced Residence) อาคารสำนักงานให้เช่า เป็นต้น เพื่อระดมทุนนำมาใช้ขยายธุรกิจ ซึ่งจะต้องประเมินความคุ้มค่าด้านผลตอบแทน

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

SNNP รับรางวัล Supplier ดีเด่นจากแม็คโคร

SNNP รับรางวัล Supplier ดีเด่นจากแม็คโคร

PTG ลงนาม MOU กรมทรัพยากรทางทะเลฯ และองค์กรภาคีเครือข่าย ร่วมอนุรักษ์ ฟื้นฟูป่าชายเลน

PTG ลงนาม MOU กรมทรัพยากรทางทะเลฯ และองค์กรภาคีเครือข่ายร่วมอนุรักษ์ ฟื้นฟูป่าชายเลน

เก็งหุ้น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อยขี่ไม้กวาดวิเศษ ภาคเช้าที่ผ่านมา หุ้นไทยแกว่งขึ้น ตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนการเล่นการเทรดเป็นไปตามแรง...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้