Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : เคอรี่ เอ็กซ์เพรส เคาะราคา IPO ที่ 28 บาทต่อหุ้น พร้อมเทรด 24 ธ.ค. 63

3,595

HotNews : เคอรี่ เอ็กซ์เพรส เคาะราคา IPO ที่ 28 บาทต่อหุ้น พร้อมเทรด 24 ธ.ค. 63

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (16 ธันวาคม 2563) บมจ.เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) หรือ KEX เคาะราคาเสนอขายสุดท้ายหุ้น IPO ที่ 28 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้น หลังนักลงทุนสถาบันแสดงความต้องการจองซื้อท่วมท้น มากกว่า 23 เท่าจากจำนวนหุ้นที่จัดสรรไว้ คาดพร้อมเข้าเทรดวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 24 ธันวาคมนี้

 

 


บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX ผู้นำด้านการให้บริการจัดส่งพัสดุด่วนของประเทศไทย ประกาศราคาขายหุ้น IPO จำนวน 300 ล้านหุ้น ที่ราคา 28.00 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้น คาดพร้อมเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันที่ 24 ธันวาคมนี้ ภายใต้ชื่อย่อหลักทรัพย์ “KEX” หลังนักลงทุนสถาบันแสดงความต้องการจองอย่างท่วมท้นมากกว่า 23 เท่า และประมาณ 10 เท่า จากกลุ่มนักลงทุนหลักแบบเฉพาะเจาะจง (Cornerstone Investors) ของจำนวนหุ้นที่จัดสรรไว้ ซึ่งบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้ไปใช้ขยายธุรกิจ ปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน ชำระคืนเงินกู้และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ

 

 


นางสาววีณา เลิศนิมิตร กรรมการบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม และนายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม เปิดเผยว่า KEX เป็นหุ้นที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะจากนักลงทุนสถาบัน (Bookbuilding) ที่ได้แสดงความต้องการจองซื้อที่ราคาสูงสุดหุ้นละ 28.00 บาท

 

 

โดยมีความต้องการจองซื้อของนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างท่วมท้นมากกว่า 23 เท่าของจำนวนหุ้นที่จัดสรรแก่นักลงทุนสถาบัน จึงมีการกำหนดราคาเสนอขายสุดท้าย (Final Price) ที่หุ้นละ 28.00 บาท ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้น สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อ KEX ในฐานะผู้นำการให้บริการจัดส่งพัสดุด่วนของประเทศไทย ด้วยศักยภาพที่โดดเด่น และแบรนด์ที่แข็งแกร่ง

 

 


ปัจจุบัน เคอรี่ เอ็กซ์เพรส ให้บริการจัดส่งพัสดุแบบครบวงจร ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทุกประเภท และมีเครือข่ายการให้บริการครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัด ด้วยจุดให้บริการกว่า 15,000 แห่ง พร้อมศูนย์กระจายพัสดุกว่า 1,200 แห่ง ทั้งยังมีศักยภาพในการให้บริการ เป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค และอยู่ในอุตสาหกรรมที่ได้รับประโยชน์จากเทรนด์การเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซและโซเชียลคอมเมิร์ซซึ่งจะส่งผลดีต่อความต้องการใช้บริการจัดส่งพัสดุด่วน โดยการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะช่วยเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจและความแข็งแกร่งของฐานะการเงินแก่บริษัทฯ

 

 

 

ด้านการเติบโตของรายได้บริษัท มีการเติบโตที่เหนือกว่าอุตสาหกรรม โดยในช่วง 9 เดือน ของปี 2563 บริษัทมีรายได้จากการขายและให้บริการ อยู่ที่ 14,689 ล้านบาท เติบโต 0.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ภาพรวมผลประกอบการทั้งปี 2562 อยู่ที่ 19,782 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนรายได้มาจาก การให้บริการ C2C สัดส่วน 51.7% ระบบ B2C สัดส่วน 45.2% ขณะที่ B2B อยู่ที่สัดส่วน 2.2% และรายได้จากการโฆษณา 0.8% ตามลำดับ

 

 


ซึ่งปัจจัยหลักของการเติบโต มาจากการเติบโตของตลาด E-Commerce อย่างรวดเร็ว ที่ได้รับปัจจัยหนุนจากเศรษฐกิจเชิงมหภาค ประกอบกับปัจจุบันผู้บริโภคมีความต้องการการบริการที่มีคุณภาพยิ่งขึ้น นอกจากนี้ บริษัทมองเห็นการเติบโตของการชำระเงินผ่าน E-Payment จากจำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตและมือถือที่เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับการมีพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งและความร่วมมือในระบบนิเวศธุรกิจ

 

 

นอกจากนี้ ยังมองว่าในอีก 5 ปี ข้างหน้า รายได้ของบริษัทจะเติบโตไปพร้อมกับตลาดE-commerce ที่คาดว่าจะขยายตัวขึ้นเป็น 20% จากปัจจุบันอยู่ที่ 3.7% อีกทั้งการเติบโตของบริษัทจะมีแรงหนุนจากการเข้าทำธุรกิจ M&A ในธุรกิจที่มีการเติบโตต่อเนื่องและมีลักษณะของธุรกิจที่มีความเกี่ยวเนื่องกับKerryพร้อมด้วยกลยุทธ์ในการแข่งขันที่บริษัทได้วางไว้ ประกอบด้วย

 

 

1. สานต่อความเป็นผู้นำในประเทศไทยเพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิด “Kerry Express Everywhere“ โดยขยายเครือข่ายจัดส่งพัสดุด่วนอย่างต่อเนื่องและมีการวิเคราะห์ตลาดผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อส่งเสริมการขยายธุรกิจในอนาคต

 

2. ขยายการเติบโตในประเทศไทยผ่านกลุ่มลูกค้า-ส่งถึง-ลูกค้า (C2C) ซึ่งจะปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างสม่ำเสมอและเพิ่มช่องทางการชำระเงินใหม่ใหม่เพื่อตอบสนองและสไตล์ของลูกค้า รวมถึงทำกิจกรรมทางการตลาดเพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงเพิ่มขึ้น

 

3. ลงทุนในเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีประสิทธิภาพและงานวิจัยและการพัฒนาของบริษัทอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับพัฒนาระบบการจัดเก็บข้อมูลในระบบกู้คืนข้อมูลในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินอย่างต่อเนื่อง

 

4. แสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ใหม่ผ่านพันธมิตรทางการค้าและผู้ถือหุ้นฉันกลยุทธ์ (Strategic Shareholder)

 

5. การลงทุนเชิงกลยุทธ์โดยพิจารณาการเข้าซื้อกิจการทั้งในลักษณะแนวราบ (Horizontal) และแนวดิ่ง (Vertical) และการลงทุนเชิงกลยุทธ์ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและผักดันการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้