สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(4 ธันวาคม 2563)---บล.เอเซีย พลัส ออกบทวิเคราะห์ กลยุทธ์การลงทุนประจำเดือนธันวาคม ระบุว่าหุ้นไทยความคืบหน้าของ Vaccine สร้างความหวังต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียน บวกกับ Fund Flow กลับมาไหลเข้าตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง โดยแนะนำเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยอีก 5% เป็น 40% (มากกว่าตลาดฯ) กลยุทธ์เลือกหุ้นขนาดใหญ่ที่ไปกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ สำหรับการลงทุนระยะยาว KBANK,BGRIM, BAM, CRC รวมถึงหุ้น AAV, PR9 แนวโน้มการเติบโตในปี 2564 โดดเด่นสุดในกลุ่มฯ ส่วนหุ้น Overvalue ที่ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุน คือ JAS และ ANAN
การลงทุนต่างประเทศหลายปัจจัยลบที่เข้ามากดดันตลาดหุ้น บวกกับราคาหุ้นปรับตัวขึ้นเร็วและแรงในหลายประเทศ จนทำให้ Valuation มีความน่าสนใจน้อยลงเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นเอเชีย โดยคงน้ำหนักหุ้นต่างประเทศไว้ที่ 15% ของพ อร์ตการลงทุน (Underweight) โดยเน้นหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่งที่ได้ประโยชน์ภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่าง Bank Of America (BAC US) และ Global Payments (GPN US)
ตราสารหนี้ สถานการณ์ COVID-19 เริ่มดูดีขึ้น ทำให้ความหวังลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นไปได้ยากขึ้น กลยุทธ์การลงทุน คงน้ำหนัก 20% ของพอร์ตรวม เน้นลงทุนตราสารหนี้ที่ Duration เฉลี่ยไม่เกิน 3 ปี และมี Rating ระดับ Investment grade ขึ้นไป เลือก TPIPP22NA และ SCC244A ส่วนเงินที่พักใน Money Market ลดน้ำหนักลง 5% เหลือ 15%
กลยุทธ์เลือกหุ้นที่ไปกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสำหรับการลงทุนระยะยาวความหวังวัคซีนป้องกัน COVD-19 จะได้ใช้กันในปี 2564 หนุนให้เห็นแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ชัดขึ้น รวมถึงตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสที่ Fund Fow หนุนต่อเนื่องในระยะกลาง -ยาว ทำให้กลยุทธ์การลงทุนในเดือน ธ.ค. 63 เลือกหุ้นที่ไปกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ สำหรับการลงทุนระยะยาวแนะนำหุ้นขนาดใหญ่ KBANK, BGRIM, BAM, CRC มีโอกาสได้แรงหนุนจาก Fund Fow และหุ้นขนาดเล็ก AAV, PR9 แนวโน้มการเติบโตในปี 2564 โดดเด่นสุดในกลุ่มฯ ส่วนหุ้น Overvalue ที่ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุน คือ JAS และ ANAN