Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : PSH ลั่นปี 64 รายได้โต 10% เล็งผุด 30-35 โครงการใหม่ มูลค่า 3-3.5 หมื่นลบ.

3,595

HotNews : PSH ลั่นปี64รายได้โต 10% เล็งผุด 30-35 โครงการใหม่ มูลค่า 3-3.5 หมื่นลบ.

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (17 พฤศจิกายน 2563) PSH ตั้งเป้ารายได้ปี 64 โต 10% หลังตุน Backlog 2.56 หมื่นลบ. รับรู้ปีหน้า 9 พันลบ. - รพ.วิมุต หนุนพร้อมเผยปี64 เล็งเปิด 30-35 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 3 - 3.5 หมื่นลบ. พร้อมแย้มระหว่างเจรจาร่วมทุนพันธมิตรญี่ปุ่นเปิดคอนโด 1 โครงการ คาดชัดเจนภายในปีนี้

 

 

 

นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PSH เปิดเผยว่า บริษัทฯคาดว่ารายได้ปี2564 จะเติบโต 10% จากปีนี้คาดว่าทำได้ 31,000 ล้านบาท เนื่องจาก บริษัทฯมียอดขายที่รอรับรู้รายได้อีก(Backlog) 25,605 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ในปีหน้าประมาณ 9,000 ล้านบาท และรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ 7,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2567

 

 


อีกทั้งในปีหน้าบริษัทฯจะมีการรับรู้รายได้จากโรงพยาบาลวิมุตเข้ามาสนับสนุน 1% ของรายได้รวม ซึ่งจะเปิดให้บริการในเดือนพฤษภาคม 2564 โดยโรงพยาบาลวิมุตจะเปิดให้บริการผู้ป่วย ผู้ป่วยนอก (OPD) ครบ100% ส่วนผู้ป่วยใน (IPD) จะเปิด 100 เตียงก่อน จากทั้งหมด 236 เตียงและคาดว่าจะเปิดได้เต็ม 100% ในอีกสามปีข้างหน้า

 

 

 

ขณะที่ในปี 2564 บริษัทฯมีแผนเปิดโครงการใหม่ 30-35 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 30,000 - 35,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 5-7 โครงการ มูลค่ารวม 7,000-10,000 ล้านบาท โดยจะเน้นราคาเกินที่ระดับ 7 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเป็นโครงการแนวราบกลุ่มบนราคาเกินที่ระดับ 10ล้านบาท โดยบริษัทฯยังมองภาพรวมอุตสาหกรรมตลาดอสังหาริมทรัยพ์ปีหน้าจะเติบโต10% จากปีนี้ที่คาดว่าจะติดลบถึง 30%

 

 


“ด้านภาพรวมตลาดอสังหาฯในเขตกรุงเทพและปริมณฑลในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มีมูลค่าตลาด 208,994 ล้านบาท ลดลง 31% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หากยังไม่มีปัจจัยบวกมาสนับสนุน จากภาวะเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคของไตรมาส4ที่ยังชะลอตัว จึงคาดว่าทั้งปีตบาดอสังหาริมทรัพย์จะติดลบประมาณ30% สำหรับปีหน้าบริษัทมีแผนงานเพิ่มสัดส่วนยอดขายและรายได้จากรากฐานกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบน้อยกว่า” นายปิยะ กล่าว

 

 

 

 

สำหรับปัจจุบันบริษัทฯมีโครงการที่เปิดขายอยู่ (Active Projects) จำนวน 166 โครงการ คิดเป็นมูลค่าสินค้าที่ยังสามารถขายได้รวม 95,151 ล้านบาท สำหรับช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทฯมีแผนเปิดโครงการใหม่ในไตรมาส4/2563 เพิ่มอีก 2 โครงการ ได้แก่ The Plant รังสิต-อเวนิว มูลค่าโครงการ 985 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นหนึ่งในโครงการฮีโร่โปรเจค และโครงการ พฤกษาวิลล์ ศรีนครินทร์-บางนา มูลค่าโครงการ 1,101 ล้านบาท ส่งผลให้ทั้งปีนี้บริษัทฯมีการเปิดโครงการรวมทั้งสิ้น 13 โครงการ

 

 


อีกทั้งในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี่บริษัทฯจะมีการจัดกิจกรรมทางการตลาดและโปรโมชั่นต่างๆเพื่อเร่งยอดขายพร้อมเร่งทยอยโอน The Reserve สุขุมวิท 61 มูลค่า 2,700 ล้านบาท ซึ่งเป็นสัดส่วนถึง 13% ของรายได้ที่ต้องทำอีกในไตรมาส 4 /63

 

 


นายปิยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันบริษัทฯอยู่ระหว่างเจรจาร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่นเพื่อเปิดโครงการคอนโดมิเนียม 1 โครงการ คาดว่าจะได้รับความชัดเจนภายในปีนี้ และจะมีการเปิดโครงการดังกล่าวในปี2564

 

 

 

บล.เคทีบี (ประเทศไทย) แนะ "HOLD" เป้า 12 บ./หุ้น

 

กำไร 3Q20 ใกล้เคียงคาด, แนวโน้มยังฟื้นตัวช้ากว่ากลุ่ม เรายังคงคำแนะนำ ถือ และราคาเป้าหมายที่ 12.00 บาท อิง 2021E PER ที่ 8.0 เท่า (5-yr average PER) PSH รายงานกำไรสุทธิ 3Q20 ที่ 603 ล้านบาท (-34% YoY, +45% QoQ) ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด โดยกำไรกลับมาฟื้นตัว QoQ จาก 1) รายได้เพิ่มขึ้น +3% QoQ จากยอดโอนแนวราบที่เติบโตได้ดี +9% QoQ และ 2) SG&A/Sales ที่ลดลงเป็น 18.2% จาก 2Q20 ที่ 21.7% จากการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้นและค่าใช้จ่ายการเปิดโครงการใหม่ที่ลดลง

 

 

เรายังคงประเมินกำไรสุทธิปี 2020E ที่ 2.9 พันล้านบาท -46% YoY สำหรับกำไรสุทธิ 9M20 คิดเป็น 67% จากทั้งปี ส่วนกำไรสุทธิ 4Q20E จะดีขึ้น QoQ เนื่องจากมีคอนโดใหม่ที่มี backlog สูงเริ่มโอน ส่วนปี 2021E ยังประเมินที่ 3.3 พันล้านบาท +14% YoY ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นจากฐานต่ำในปี 2020E ทำให้การฟื้นตัวโดยรวมยังช้าเมื่อเทียบกับกลุ่ม

 



ราคาหุ้นปรับตัวลงและ underperform SET -4% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา จากยอด presales ที่ยังปรับตัวลดลงมาก โดยงวด 9M20 ปรับตัวลดลง -57% YoY สำหรับ PSH เรายังแนะนำ ถือ จากแนวโน้มการฟื้นตัวของกำไรที่ยังช้าเมื่อเทียบกับกลุ่ม เนื่องจากฐานลูกค้าในตลาดล่างได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจมากกว่า

 

 

Event: 3Q20 results review กำไรสุทธิ 3Q20 ใกล้เคียงคาด PSH รายงานกำไรสุทธิ 3Q20 ที่ 603 ล้านบาท (-34% YoY, +45% QoQ) ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด โดยกำไรสุทธิกลับมาฟื้นตัว QoQ เป็นผลจาก 1) รายได้เพิ่มขึ้น +3% QoQ จากยอดโอนโครงการแนวราบที่กลับมาเติบโตได้ดี +9% QoQ ส่วนยอดโอนคอนโดปรับลดลง -7% QoQ เนื่องจากคอนโดใหม่ที่เริ่มโอนใน 3Q20 มีเพียง 1 โครงการ ได้แก่ The Tree Hua-Mak (มูลค่าโครงการ 2.1 พันล้านบาท) ซึ่งทำยอดขายได้ค่อนข้างน้อย 27% และ 2) SG&A/Sales ที่ลดลงเป็น 18.2% จาก 2Q20 ที่ 21.7% จากการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้นและค่าใช้จ่ายการเปิดโครงการใหม่ที่ลดลง รวม 9M20 มีกำไรสุทธิ 3.5 พันล้านบาท -45% YoY

 

 

กำไร 4Q20E จะดีขึ้น ส่วนปี 2021E จะเติบโตจากฐานต่ำ ยังฟื้นตัวช้าเมื่อเทียบกับกลุ่ม เรายังคงประเมินกำไรสุทธิปี 2020E ที่ 2.9 พันล้านบาท -46% YoY ปรับตัวลดลงมากสุดในกลุ่ม โดยกำไรสุทธิ 9M20 คิดเป็น 67% จากทั้งปี โดยเราประเมินกำไรสุทธิ 4Q20E จะดีขึ้น QoQ เนื่องจากจะมียอดโอนจากคอนโดเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีคอนโดใหม่เริ่มโอน ได้แก่ The Reserve Sukhumvit 61 มูลค่าโครงการ 2.7 พันล้านบาท ทำยอดขายได้แล้ว 99% รวมทั้งคาดว่ายอดโอนแนวราบยังฟื้นตัวขึ้น สำหรับกำไรสุทธิปี 2021E เรายังประเมินที่ 3.3 พันล้านบาท +14% YoY ซึ่งเป็นการฟื้นตัวจากฐานต่ำในปี 2020E ทำให้การฟื้นตัวยังช้าเมื่อเทียบกับกลุ่ม โดยเราคาดว่าในปี 2021E จะมีคอนโดใหม่เริ่มโอน 5 โครงการ เพิ่มจากปี 2020E ที่ 4 โครงการ

 

 


Valuation/Catalyst/Risk


เรายังคงราคาเป้าหมายที่ 12.00 บาท อิง 2021E PER ที่ 8.0 เท่า (5-yr average PER) โดยมี key risk จาก presales ที่จะปรับตัวลดลงจากปีก่อนค่อนข้างมาก ประกอบกับฐานลูกค้าหลักของ PSH อยู่ในตลาดล่าง มีชะลอตัว และมียอดปฏิเสธสินเชื่อที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น

 

 

 

 

บจ.ทรีนีตี้ แนะ "ถือ" เป้า 8.90 บ./หุ้น

 

3Q63 Earnings Result PSH รายงานกำไรสุทธิ 3Q63 ที่ 603 ล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 44.8% QoQ แต่ปรับตัวลดลง 34.1% YoY โดยที่มีรายได้จากการโอนที่ 6.35 พันล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 3%QoQ แต่ปรับตัวลดลง 25.4% YoY และมียอดโอนสะสม 9M63 ที่ 1.97 หมื่นล้านบาท

 

 

ระดับ Gross Profit Margin ใน 3Q63 อยู่ที่ 32.1% สูงขึ้นจาก 2Q63 ที่ 31.9% แต่ต่ำกว่า 3Q62 ที่ 35.1% ด้านค่าใช้จ่าย SG&A อยู่ที่ 18.1% สามารถปรับตัวลดลงได้อย่างต่อเนื่อง การเปิดตัวโครงการใหม่ใน 3Q63 อยู่ที่ 6 โครงการ มูลค่ารวม 8.29 พันล้านบาท และมียอด Presales ใน 3Q63 อยู่ที่ 6.58 พันล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 88% QoQ แต่ลดลง 53% YoY และมียอด Presales สะสม 9M63 ที่ 1.61 หมื่นล้านบาท ปรับตัวลดลง 43% YoY และนับเป็นเพียง 57.5% ของเป้าหมายที่ 2.8 หมื่นล้านบาท

 


ยอด Backlog รวมอยู่ที่ 2.56 หมื่นล้านบาท Gross Margin ทั้งปี 2563 คาดว่าจะอยู่ที่ 31-32% ต่ำกว่าช่วง 9M63 เล็กน้อยที่ระดับ 33.4% เนื่องจากการใช้ Pricing ต่อหลังจากที่ใน 9M63 สามารถขายโครงการใน Inventory ไปได้แล้ว 5.0 พันล้านบาท ส่งผลให้ยอด Inventory ปรับตัวลดลงไป 31% จากช่วงสิ้นปี 2562 ที่ระดับ 2.51 หมื่นล้านบาท

 

 

ยอดขายและยอดโอนยังอ่อนแอ ปรับลดคาดการณ์ปี 2563-2564 ลงเนื่องจากการเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2563 มีเพียง 9 โครงการ ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าที่เคยวางแผนไว้ และยอดขายใน 9M63 อยู่ที่ 1.61 หมื่นล้านบาท หรือนับเป็นเพียง 57.5% ของเป้าที่ 2.8 หมื่นล้านบาท เราจึงปรับคาดการณ์ยอดโอนลงจาก 3.03 หมื่นล้านบาท เป็น 2.87 หมื่นล้านบาท โดยที่หากนำยอดโอนใน 9M63 มารวมกับยอด Backlog มูลค่า 7.0 พันล้านบาท (เป็นยอดจากโครงการคอนโดที่ 4.3 พันล้านบาท จากการโอนโครงการใหม่ 4 โครงการ) ที่รอโอนใน 4Q63 จะนับเป็น 93.7% ของที่เราคาดการณ์ และเราปรับยอดโอนปี 2564 ลงจาก 3.14 หมื่นล้านบาท เป็น 3.08 หมื่นล้านบาท โดยที่มียอด Backlog รอโอนอยู่ที่ 9.0 พันล้านบาท โดยที่ปี 2564 คาดว่าจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่สูงถึง 30-35 โครงการ (เป็นโครงการคอนโดที่ 5-6 โครงการ)มูลค่ารวมราว 3.0-3.5 หมื่นล้านบาท โดยเน้นการเปิดตัวแนวราบ Medium-High เป็นหลักและมีที่ดินพร้อม

 

 

ยอดขายยังต่ำกว่ากลุ่ม แนะนำถือ ที่ราคาเป้าหมายใหม่ 8.90 บาท ยังคงแนะนำ ถือ ที่ราคาเป้าหมายใหม่ 8.90 บาท (จาก 11.00 บาท) จากการอิงค่า EPS 2564F ที่ 1.27 บาท/หุ้น และ PE ที่ 7.0X (-0.5SD ค่าเฉลี่ย 5 ปี) ด้วยปัจจัยสนับสนุนดังนี้ (1) กลุ่มลูกค้ายังคงต้องพึ่งพาสินเชื่อเป็นหลัก ซึ่งได้รับผลกระทบจากมาตรการ LTV โดยเฉพาะกลุ่มที่มีราคาขาย 3-5 ล้านบาท (2) สภาวะตลาดโดยรวมยังถูกกดดันจากมาตรการ LTV แม้ว่าจะมีมาตรการรัฐมาช่วยผ่อนคลายลง แต่ก็ยังไม่สามารถช่วยเพิ่ม Demand ได้

 

 

ปัจจัยเสี่ยง


1) การแข่งขันที่สูง อาจกดดันอัตราการทำกำไร


2) ราคาที่ดินปรับตัวสูงอย่างต่อเนื่องส่งผลให้มีต้นทุนที่สูงขึ้น


3) ระดับหนี้ครัวเรือนยังคงกดดันยอดสินเชื่อจากธนาคาร


4) ค่าใช้จ่าย SG&A ยังถือว่าอยู่ในระดับสูง


5) มาตรการ LTV และภาษีที่ดินฉบับใหม่ที่ส่งผลให้ยอดขายอาจชะลอตัวลง

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ลุ้น กันต่อ By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เห็น นักลงทุนยังคงชะลอลงทุน หลังมีข่าว อิสราเอล จะตอบโต้อิหร่าน ......

ขายทำรอบ By : เจ๊มดแดง

เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง เห็นวานนี้ ต่างชาติทิ้งหนักเกือบ 6.4 พันล้านบาท แต่รายย่อยซื้อสุทธิ 6.8 พันล้านบาท ท่ามกลางความ..

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้