สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(3พฤศจิกายน 2563)---- บล.เอเซีย พลัส ออกบทวิเคราะห์ กลยุทธ์การลงทุนประจำเดือนพฤศจิกายน ระบุว่าหุ้นไทย การระบาดไวรัส COVID-19 รอบ 2 กลับมาเป็นประเด็นอีกครั้งบวกกับประเด็นการเมืองคอยกดดันเพิ่มเติม กลยุทธ์เน้นตั้งรับ โดยการจัดพอร์ต เพื่อหวังผลกำไรในปีหน้า เน้นหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง มีการเติบโตของกำไรที่ดีต่อเนื่อง อย่าง AP, SCC, BDMS, PTTGC, STA และ TISCO ส่วนหุ้น Overvalue ที่ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุน คือ HANA และ BPP
การลงทุนต่างปรเทศ : หลายปัจจัยลบที่เข้ามากดดันตลาดหุ้น บวกกับราคาหุ้นปรับตัวขึ้นเร็วและแรงในหลายประเทศ จนทำให้ Valuation มีความน่าสนใจน้อยลง โดยคงน้ำหนักหุ้นต่างประเทศไว้ที่ 15% ของพอร์ตการลงทุน (Underweight) โดยเน้นหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่งที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวอย่าง Sunny Optical Technology Group (2382 HK) และ Metlife Inc (MET US)
ตราสารหนี้ : สถานการณ์ COVID-19 มาเป็นประเด็นอีกครั้ง บวกกับการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายมีความเป็นไปได้ยากมากขึ้น จากมุมมองของผู้ว่า ธปท. กลยุทธ์การลงทุน ลดน้ำหนักเหลือ 20% ของพอร์ตรวม เน้นลงทุนตราสารหนี้ที่ Duration เฉลี่ยไม่เกิน 3 ปี และมี Rating ระดับ Investment grade ขึ้นไป เลือก TPIPP22NA และ SCC244A
---กอดหุ้นฝ่าลมหนาว...หวังผลดีปีหน้า ---
การเมืองไทย และ COVID-19 ยังเป็นตัวแปรสำคัญกำหนดทิศทางของดัชนีเศรษฐกิจและกำไรบริษัทฯ เห็นสัญญาณการฟื้นตัว แต่ก็ยังมีปัจจัยกดดันFund Flow มีแนวโน้ให้น้ำหนักหุ้นเอเชียมากขึ้นแนะหุ้นขนาดใหญ่กำไรฟื้น STA, SCC, PTTGC, BDMS, TISCO, AP
หลีกเลี่ยง HANA, BPP
---กลยุทธ์การลงทุน ---
ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม ผลการเลือกตั้งสหรัฐ ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญในการกำหนดทิศทางเศรษฐกิจและกลยุทธ์การลงทุน รวมถึงการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 เร่งสูงขึ้นอีกครั้ง และนำไปสู่การ Lockdown เมืองในหลายประเทศ ขณะที่การเมืองไทยที่ยังร้อนระอุ ถือเป็นปัจจัยอ่อนไหวและกดดันต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก รวมถึงปัญหาการว่างงาน และคุณภาพหนี้จะต้องจับตามากขึ้น ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยเน้นการคลังมากกว่าการเงิน เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยของไทย ณ ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 0.5% ต่ำสุดในประวัติศาสตร์ และต่ำสุดในภูมิภาคแล้ว ส่งผลให้ช่องว่าง หรือความสามารถในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมีจำกัด นอกจากนี้เดือน พ.ย. เป็นช่วงฤดูกาลประกาศงบการเงินงวด 3Q63 ซึ่งภาพรวมฝ่ายวิจัยฯ ประเมิน ทั้งจากที่ประกาศออกมาแล้ว รวมถึงที่คาดการณ์นั้น ส่วนใหญ่จะเติบโตได้ดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ดังนั้นกำไรบริษัทจดทะเบียนน่าจะการผ่านพ้นจุดต่ำสุดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และหวังว่าจะไม่เปิด Downside ขึ้นมาอีกรอบหนึ่ง
ขณะที่แรงหนุนจากตลาดหุ้น มาจาก 2 ส่วน คือ การทยอยปรับเพิ่มประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจไทย โดยฝ่ายวิจัยฯ มีการปรับประมาณการ GDP ปี 63F ขึ้นจาก -8.4% เป็น 7.9% (และปี 64 เติบโต +4.1%) ปัจจัยหลักมาจากส่งออกที่หดตัวน้อยกว่าที่คาด ซึ่งสอดคล้องกับหลายสำนักฯ อาทิ IMF, ธปท., สศค. ที่มีการปรับประมาณการ GDP ขึ้นในช่วง -7.1% ถึง -7.8% ในปี 2563
ขณะที่ปี 2564 คาดว่าจะกลับมาเติบโตในช่วง 3.5% - 4.5% อีกแรงหนุน คือ มุมมองกำไรบริษัทจดทะเบียนในปี 2564 ของตลาดหุ้นไทย Consensus ทยอยปรับขึ้นเรื่อยๆ และสูงกว่า ทั้งตลาดหุ้นเกิดใหม่ และตลาดหุ้นเอเชีย
ในมุม Fund Flow พบว่า ต่างชาติขายหุ้นในภูมิภาคน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด และน่าจะมีโอกาสกลับมาให้น้ำหนักกับตลาดหุ้นเอเชียมากขึ้น หลักๆ มาจากการควบคุมการแพร่ระบาด COVID-19 ได้ดี เมื่อเทียบกับประเทศในแถบยุโรป และสหรัฐฯ
กลยุทธ์แนะนำจัดพอร์ตลงทุน เพื่อหวังผลดีในปีหน้า โดยเลือกหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง มีการเติบโตของกำไรที่ดีต่อเนื่อง อย่าง AP, SCC, BDMS, PTTGC, STA และ TISCO ส่วนหุ้น Overvalue ที่ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุน คือ HANA และ BPP
Valuation หุ้น Monthly
ที่มา: ฝ่ายวิจัย ASPS
ข้อมูลสิ้นสุด ณ วันที่ 29 ต.ค.63