
HotNews : RT เคาะ IPO ที่ 1.92 บ./หุ้น จองซื้อ 3-5 พ.ย. นี้ / SABUY สรุปราคา IPO 2.50 บ./หุ้น เทรด mai 11/11
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 2 พฤศจิกายน 2563) RT ผู้เชี่ยวชาญพิเศษงานรับเหมาก่อสร้างด้านวิศวกรรมโยธาและธรณีเทคนิค อาทิ งานอุโมงค์ โครงสร้างใต้ดิน เขื่อน โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ ลุยขาย IPO 300 ล้านหุ้น ราคา 1.92 บาท เปิดจอง 3-5 พ.ย. 2563 นี้ เตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ด้าน APM ที่ปรึกษาการเงิน เผยธุรกิจมีโอกาสเติบโต แต่งตั้ง บล. ฟิลลิป แกนนำการจัดจำหน่ายหุ้น ผนึกบริษัทหลักทรัพย์อีก 8 แห่ง ร่วมจำหน่าย
นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ RT เปิดเผยว่า RT เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างด้านวิศวกรรมโยธาและธรณีเทคนิคที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูง โดยธุรกิจรับเหมาก่อสร้างมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญจากการลงทุนของภาครัฐตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจงานโครงสร้างพื้นฐานในหลายโครงการ อาทิ ระบบขนส่งราง งานถนน ระบบบริหารจัดการน้ำในประเทศ ซึ่งงานก่อสร้างเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานมีมูลค่างานสูงและเป็นงานที่มีการก่อสร้างต่อเนื่อง ต้องอาศัยความรู้ความสามารถจากบริษัทที่มีประสบการณ์และความชำนาญ จึงคาดว่า RT จะมีโอกาสรับงานและสามารถสร้างการเติบโตได้ภายหลังระดมทุน IPO

นายเสกสรรค์ ธโนปจัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า RT มีความชำนาญและมีประสบการณ์อันยาวนานกว่า 20 ปี ในงานรับเหมาก่อสร้างด้านงานวิศวกรรมโยธา และธรณีเทคนิค โดยเฉพาะงานก่อสร้างอุโมงค์และโครงสร้างใต้ดิน งานเขื่อน งานโรงไฟฟ้าพลังน้ำ งานท่อลอดใต้ดินด้วยวิธีดันท่อและดึงท่อแนวนอน โดยรับเหมาก่อสร้างให้กับภาครัฐ เช่น กรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กรมทางหลวง การรถไฟแห่งประเทศไทย กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน อาทิ โครงการอุโมงค์รถไฟทางคู่ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ จ.นครราชสีมา โครงการอาคารประกอบอุโมงค์ส่งน้ำ-แม่แตง จ.เชียงใหม่ โครงการบ่อพักและท่อร้อยสายร่วมกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง กรุงเทพมหานคร โครงการงานขยายถนนจาก 2 เลนเป็น 4 เลน หนองหาน-พังโคน จ.สกลนคร

โครงการก่อสร้างประตูระบายน้ำศรีสองรัก จ.เลย งานก่อสร้างอุโมงค์ผันน้ำและงานปรับปรุงฐานรากเขื่อน Duantri ประเทศกัมพูชาและงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น งานป้องกันและเสริมเสถียรภาพทางลาด งานขุดดินและหินทั้งแบบใช้ระเบิดและไม่ใช้ระเบิด งานเจาะสำรวจธรณีวิทยา งานปรับปรุงฐานรากด้วยวิธีอัดฉีดน้ำปูน งานถนนและสะพาน งานประตูระบายน้ำ และงานวางรางรถไฟ เป็นต้น ซึ่ง RT มีความพร้อมในการรับงานและการขยายธุรกิจในอนาคต สามารถเป็นได้ทั้งผู้รับเหมาโดยตรง และผู้รับเหมาช่วง ที่ผ่านมาได้รับความไว้วางใจจากทั้งหน่วยงานราชการ หน่วยงานเอกชน รวมไปถึงผู้ว่าจ้างจากต่างประเทศให้ดำเนินงานในโครงการต่าง ๆ
นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน กล่าวว่า RT จะทำการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 300 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้(พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ในราคาเสนอขายหุ้นละ 1.92 บาท โดยเสนอขายระหว่างวันที่ 3 - 5 พ.ย.2563 และเตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยจะใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ในการซื้อขายว่า “RT”
โดยราคาเสนอขายหุ้นละ 1.92 บาท พิจารณาจากอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) เท่ากับ 9.20 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2562 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 ซึ่งมีกำไรสุทธิเท่ากับ 229.47 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทหลังจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ ซึ่งเท่ากับ 1,100 ล้านหุ้น (Fully Diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้น (Earnings Per Share) เท่ากับ 0.21 บาท ถือเป็นระดับราคาที่มีความน่าสนใจลงทุน เนื่องจากบริษัทมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี ทั้งโอกาสการเติบโตของธุรกิจ และมีความพร้อมในการขยายธุรกิจรองรับการเติบโตในอนาคต อีกทั้งบริษัทยังมีนโยบายการจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังจากหักสำรองต่าง ๆ เชื่อว่าการเปิดจองหุ้น IPO จะได้รับความสนใจและมีกระแสตอบรับที่ดี

ทั้งนี้ การเสนอขายหุ้นไอพีโอของ RT มีผู้จัดจำหน่ายฯ ร่วมอีก 8 แห่ง ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบีเคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน)

SABUY เคาะราคาไอพีโอ 2.50 บาท พร้อมเข้าเทรด mai 11/11 นี้
“SABUY” บมจ. สบาย เทคโนโลยี ผู้นำเทคโนโลยีการค้าแบบ New Retail Solution ที่มี Eco System เป็นของตนเอง และ ให้บริการรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านตู้เติมเงินในเครือข่าย เคาะราคาเสนอขาย IPO หุ้นละ 2.50 บาท ดีเดย์เปิดจองระหว่างวันที่ 3-5 พ.ย. นี้ พร้อมแต่งตั้ง บล.เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายชูเกียรติ รุจนพรพจี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาเทคโนโลยีการค้าแบบ New Retail Solution ที่มี Eco System เป็นของตนเอง และ ให้บริการรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านตู้เติมเงินในเครือข่ายกว่า 5 หมื่นจุด กล่าวว่า บริษัทฯ ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 157.02 ล้านหุ้น หรือ 15% ของทุนจดทะเบียน 1,050 ล้านบาท (หลังจากขายหุ้นเพิ่มทุน) ที่ราคา 2.50 บาท/หุ้น คิดเป็นมูลค่าการระดมทุนประมาณ 392,550,000 บาท
โดยบริษัทฯ มีวัตถุประสงค์หลักจะนำเงินจากการเพิ่มทุน เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายกิจการต่างๆ อาทิ โครงการให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money Service) โครงการติดตั้งเครื่องรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ โครงการให้บริการระบบเงินอิเล็กทรอนิกส์แก่ศูนย์อาหารและร้านค้า โครงการขยายศูนย์กระจายสินค้า ตลอดจนโครงการเพิ่มตู้ขายสินค้าอัตโนมัติซึ่งมีอัตราการเติบโตสูง เพื่อสร้างการเติบโตให้บริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและเงินสำรองต่าง ๆ ตามกฎหมาย

SABUY เป็น 1 ใน Growth Tech Company ที่มีแผนสร้างการเติบโตของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 นี้ “SABUY” มีผลประกอบการเติบโตสูง สวนทางสภาวะเศรษฐกิจไทยที่ถดถอยอย่างรุนแรง จากผลกระทบจากวิกฤติไวรัส โควิด-19 โดยในงวดครึ่งปีแรกปี 2563 นี้ บริษัทฯ มีรายได้รวม 720 ล้านบาท เติบโตขึ้น 21% และมีกำไรสุทธิ 46.27ล้านบาท เติบโตขึ้น 530% จากงวดครึ่งปีแรกปี 2562 ที่บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 7.4 ล้านบาท จากรายได้รวม 593 ล้านบาท โดยรายได้จากธุรกิจตู้ขายสินค้าอัตโนมัติเติบโตสูงขึ้น ประกอบกับการควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว ทำให้อัตรากำไรสุทธิ ( Net profit margin) ของ SABUY เพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่า จาก 1.2% เป็น 6.4% ในงบครึ่งปีแรกปีนี้ ซึ่งบริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะเพิ่มความสามารถในการทำกำไรอย่างต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์ด้านการจำหน่ายสินค้าที่มีมูลค่าสูงขึ้น และ การลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง”
นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัท หลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญของ SABUY กล่าวว่า “หุ้นไอพีโอ “SABUY” ได้รับความสนใจอย่างสูงจากการโรดโชว์สถาบันการเงินต่างๆ และกลุ่มนักลงทุนรายย่อย โดยนักลงทุนสถาบันการเงินได้แสดง
ความสนใจในการจองซื้อหุ้นไอพีโอผ่านการทำบุ๊คบิ้ลดิ้ง ซึ่งราคาหุ้นไอพีโอในราคาหุ้นละ 2.50 บาทเป็นราคาที่เหมาะสม สำหรับ “SABUY” ซึ่งจัดเป็น Growth Tech Stock หรือ หุ้นเทคโนโลยีที่มีอัตราการเติบโตสูงในอนาคต และมี Business Model ที่ดีและพิสูจน์แล้วว่าสร้างผลกำไรได้อย่างมั่นคง นอกจากนี้ SABUY มี Eco System ของตนเอง และมีแผนการขยายธุรกิจที่จะสร้างการเติบโตอย่างสูง โดยที่สำคัญ ทีมผู้บริหารระดับสูงของ SABUY เป็นทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์ระดับสูงจากธนาคารระดับโลก และ ธนาคารชั้นนำของไทย ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีอย่างสูง และ ความเข้าใจในอุตสาหกรรมด้าน E-Banking และ Commerce เป็นอย่างดี นอกจากนี้ SABUY ยังมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง มีทุนจดทะเบียนสูงถึง 1,050 ล้านบาท มีอัตรากำไรขั้นต้นและ อัตรากำไรสุทธิสูง และ มีอัตราหนี้สินต่อทุนต่ำ จึงมีโอกาสในการขยายกิจการด้าน Commerce & Payment Solutions ได้อีกมาก”

ทั้งนี้ บริษัทฯ จะเปิดให้นักลงทุนทั่วไปจองซื้อได้ในระหว่างวันที่ 3-5 พฤศจิกายน 2563 ผ่านกลุ่มบริษัทผู้จัดจำหน่าย ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และมีกำหนดการจะเริ่มเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2563 นี้
บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ “SABUY” มีทุนจดทะเบียน 1,050.00 ล้านบาท (หลังจากขายหุ้นเพิ่มทุน) มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 887.98 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท โดยมีกลุ่มรุจนพรพจี และ กลุ่มวีระประวัติ เป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยภายหลังการระดมทุนครั้งนี้ กลุ่มรุจนพรพจีจะถือหุ้นในสัดส่วน 30 % กลุ่มวีระประวัติจะถือหุ้นในสัดส่วน 28% และนักลงทุนจะถือหุ้นในสัดส่วน 15%
“SABUY” มี 4 ธุรกิจหลักคือ
1. ธุรกิจตู้เติมเงินอัตโนมัติ ให้บริการธุรกรรมทางการเงินผ่านตู้เติมเงินอัตโนมัติ ภายใต้เครื่องหมายการค้า “เติมสบายพลัส” มากกว่า 52,000 ตู้
2. ธุรกิจตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ เน้นการจำหน่ายเครื่องดื่ม, ขนม และ สินค้าต่างๆ ผ่านตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine) ภายใต้เครื่องหมายการค้า “เวนดิ้งพลัส” และ “6.11” กว่า 5,700 ตู้ ครอบคลุมถึง 21 จังหวัด ทั่วประเทศ
3. ธุรกิจระบบศูนย์อาหาร ให้บริการติดตั้งและวางระบบศูนย์อาหารทั้งระบบ Hardware และ Software และเป็นผู้ให้บริการจัดการศูนย์อาหารพร้อมการบำรุงรักษา มีศูนย์อาหารภายใต้การดูแลทั้งหมด 205 ศูนย์ ตามห้างสรรพสินค้า สำนักงาน โรงงาน สถานศึกษา อาทิ เทสโก โลตัส , Tops, โรบินสัน และ เทอมินอล21 เป็นต้น
4. ธุรกิจให้บริการการชำระเงิน บริษัทฯจะให้บริการการชำระเงิน ผ่านบริษัทย่อย คือ บริษัท สบาย มันนี จำกัด ซึ่งได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจบริการการชำระเงินภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทั้งสิ้น 4 ประเภทธุรกิจ ได้แก่ การให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money License) การให้บริการรับชำระเงินด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (Payment Agent License: PA) การให้บริการสนับสนุนบริการแก่ผู้รับบัตร (Payment Facilitator License: PF) และ การให้บริการโอนเงินด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (Fund Transfer License)

ปัจจุบัน บริษัทฯ มีบริษัทย่อยทั้งหมด 3 บริษัทคือ บริษัท เวนดิ้ง พลัส จำกัด (“VDP”) เป็นตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ เช่น เครื่องดื่ม ขนม และสินค้าต่างๆ ผ่านตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ ภายใต้เครื่องหมายการค้า “เวนดิ้งพลัส” บริษัท สบาย มันนี่ จำกัด (“SBM”) เป็นผู้ให้บริการการชำระเงิน (Payment Service Provider / Facilitator) ภายใต้เครื่องหมายการค้า “สบาย มันนี่” และบริษัท สบาย โซลูชั่นส์ จำกัด (“SBS”) เป็นผู้ให้บริการติดตั้งระบบศูนย์อาหาร บริการระบบศูนย์อาหาร และบริการซ่อมแซมบำรุงรักษาระบบศูนย์อาหาร