Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : SCGP ลั่นปี 64 ปั้นรายได้สู่ 1 แสนลบ.

2,013

HotNews : SCGP ลั่นปี 64 ปั้นรายได้สู่ 1 แสนลบ.

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(28 ตุลาคม 2563)  SCGP ส่งซิกปี 64 รายได้วิ่งทะลุ 1 แสนลบ. หลังขยายกำลังผลิต-ปิดดีล M&A ได้ พร้อมโชว์ผลงาน 9 เดือนปี 63 เติบโตอย่างมีคุณภาพ ทำกำไรสุทธิ 4,971 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา จากโมเดลธุรกิจที่แข็งแกร่ง การควบรวมกิจการ (Merger & Partnership) และมีฐานลูกค้าจำนวนมากและหลากหลายอุตสาหกรรมช่วยกระจายความเสี่ยง พร้อมวางแผนขยายการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่องหลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

 

 


นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยว่า บริษัทฯคาดว่าปี 2564 รายได้จะเติบโตทะลุ 100,000 ล้านบาท เนื่องจาก บริษัทฯได้ขยายกำลังการผลิตโครงการโพลิเมอร์แบบอ่อนตัว (Flexible Packaging) แห่งที่2ในประเทศเวียดนามแล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อย

 

 


นอกจากนี้ยังมี 3 โครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างด้วยงบลงทุนรวมกว่า 7,700 ล้านบาท ได้แก่ โครงการขยายกำลังการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ (Packaging Paper) ในประเทศอินโดนีเซีย คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/2564 ,โครงการขยายกำลังการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ (Packaging Paper) ในประเทศฟิลิปปินส์ คาดว่าจะแล้วเสร็จไตรมาส3/2564 และโครงการขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัว (Flexible Packaging) ในประเทศไทย คาดว่าจะแล้วเสร็จไตรมาส4/2564 ซึ่งหลังแล้วเสร็จทั้ง 4 โครงการ จะช่วยสนับสนุนยอดขายของบริษัทฯเพิ่มเข้ามาอีก 9,000 ล้านบาท ในปี 2565

 

 


อีกทั้งปลายปีนี้คาดว่าจะสามารถปิดดีลการเข้าซื้อกิจการ(M&A) Bien Hoa Packaging Joint Stock Company หรือ (SOVI) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กล่องลูกฟูก (Corrugated Containers) รายใหญ่ในประเทศเวียดนามที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์  โฮจิมินห์ ซึ่งการเข้าลงทุนนี้จะส่งผลให้ SCGP มีกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์ปลายน้ำจากเยื่อและกระดาษในเวียดนามเพิ่มขึ้น รวมถึงเป็นการเพิ่มศักยภาพขยายตลาดบรรจุภัณฑ์ เนื่องจาก SOVI มีฐานลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่เป็นบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่และบริษัทชั้นนำในประเทศ โดยที่ผ่านมา SOVI มียอดขายอยู่ที่ 2,200 ล้านบาทต่อปี

 

 


“ภาพรวมการทำธุรกิจของเราในเวียดนามเดิมทีมียอดขายอยู่ที่ 10,000 ล้านบาทต่อปี แต่ถ้ามี SOVI เข้ามาก็จะสนับสนุนให้เรามีนอดขายในเวียดนามเพิ่มขึ้นเป็น 12,200 ล้านบาทต่อปี” นายวิชาญ กล่าว

 

 

พร้อมกันนี้ บริษัทฯยังคงมองหาโอกาสในการเข้าซื้อกิจการ (M&A) อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต ซึ่งจะเน้นเวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปินส์ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตร 2-3 รายในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องโดยจะเน้นบรรจุภัณฑ์เกี่ยวกับกระดาษและโพลิเมอร์หากมีความชัดเจนจะแจ้งให้ทรายทันที และในอนาคตคาดส่าสัดส่วนรายได้จากในประเทศจะปรับตัวลดลงเหลือน้อยกว่าต่างประเทศจากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ในประเทศอยู่ที่ 52% ต่างประเทศ 48% ทั้งนี้ปี 2564 บริษัทฯได้วางงบลงทุนสำหรับเข้าซื้อกิจการในต่างประเทศมากกว่า 12,000 ล้านบาท ส่วนงบลงทุนรวมในปี2564 อยู่หว่างทำแผนคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในเดือนธันวาคมนี้

 

 

 


นายวิชาญ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติ และนักลงทุนสถาบันในประเทศได้ให้ความสนใจบริษัทฯเป็นอย่างมาก โดยบริษัทฯยังคงพบปะนักลงทุนผ่านวิดีโอคอนเฟอร์เร้นอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ข้อมูล ซึ่งหลังจากที่บริษัทฯ ได้รับการเข้าคำนวณใน SET 50 รวมถึงคาดว่าจะได้เริ่มคำนวณในดัชนี MSCI Index ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 63 มองว่าจะยิ่งสับสนุนให้บริษัทได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบันต่างชาติเพิ่มมากขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทฯมีสัดส่วนการถือหุ้นจากนักลงทุนต่างชาติอยู่ที่ 3% แต่ทั้งนี้บริษัทฯยังคงนโยบายให้ผู้ถือหุ้นใหญ่ถือหุ้นไม่ต่ำ 70%

 

 

 

 

SCGP โชว์ศักยภาพ 9 เดือนแรก กำไรสุทธิพุ่ง 22 %

 


นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยว่า บริษัทฯ สามารถสร้างผลการดำเนินงานใน 9 เดือนของปีนี้เติบโตอย่างแข็งแกร่งท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน โดยมีรายได้จากการขายทั้งสิ้น 69,190 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาเติบโตร้อยละ 5 กำไรสุทธิ 4,971 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 22 เพิ่มขึ้นเช่นกัน จากความสามารถในการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ และมีปัจจัยเกื้อหนุนจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของความต้องการใช้สินค้าจำเป็นที่ใช้ในชีวิตประจำวัน

 

 

โดยกลุ่มสินค้าที่เติบโตได้ดีใน 9 เดือนผ่านมาคือ บรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค บรรจุภัณฑ์สำหรับอีคอมเมิร์ซ และบรรจุภัณฑ์สำหรับฟู้ดเดลิเวอรี่ ในขณะที่กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์เริ่มมีการฟื้นตัวในไตรมาสสาม หลังจากได้รับผลกระทบจากการที่ผู้บริโภคชะลอการซื้อสินค้าคงทนที่มีมูลค่าสูงในช่วงก่อนหน้านี้ รวมถึงความต้องการบรรจุภัณฑ์ในประเทศเวียดนามที่เติบโตขึ้นภายหลังจากสถานการณ์โรคระบาด COVID-19 เริ่มคลี่คลาย และจากการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะจากการควบรวมกิจการกระดาษบรรจุภัณฑ์ในประเทศอินโดนีเซียและบรรจุภัณฑ์จากวัสดุสมรรถนะสูงและพอลิเมอร์ในประเทศไทยที่ทำให้ SCGP มีรายได้และกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่อง

 

 


SCGP ได้ออกแบบและดำเนินงานตามโมเดลธุรกิจ (Business Model) ที่แข็งแกร่ง โดยมีสินค้าและบริการที่หลากหลาย และมีความสามารถด้านการผลิตที่ครอบคลุมทั้งบรรจุภัณฑ์ขั้นต้น (Upstream) และบรรจุภัณฑ์ขั้นปลาย (Downstream) จึงสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละรายได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้ง SCGP ยังมุ่งเน้นการขยายตลาดบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตและมีความต้องการใช้อย่างสม่ำเสมอในทุกสภาวะเศรษฐกิจ

 

 

 

ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนลูกค้ากลุ่มดังกล่าวประมาณร้อยละ 70 ของยอดขายในสายธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร (Integrated Packaging Chain) พร้อมกับการเดินหน้าขยายธุรกิจด้วยการควบรวมกิจการหรือ Merger and Partnership (M&P) เพื่อขยายการเติบโต รองรับการบริโภคและเมกะเทรนด์ทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน ตลอดจนการบริหารจัดการธุรกิจภายใต้แผน Business Continuity Plan และบริหารกระแสเงินสดอย่างระมัดระวัง จึงทำให้ SCGP ยังคงเติบโตและสามารถรับมือกับผลกระทบจากความผันผวนทางเศรษฐกิจจากการระบาดของโรค COVID-19 ในช่วงที่ผ่านมาได้

 

 



“ผลการดำเนินงานที่เติบโตท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนว่าเราเดินมาถูกทาง สามารถเติบโตอย่างมีคุณภาพหรือ Growth with Quality และบริษัทฯ จะมุ่งขยายการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนเพื่อรักษาความเป็นผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์อย่างครบวงจรในภูมิภาคนี้” นายวิชาญกล่าว

 

 

 


ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCGP กล่าวต่อว่า หลังจาก SCGP ได้ระดมทุนโดยการเสนอขายหุ้น IPO และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้วางแผนขยายการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง ทั้งการขยายการลงทุนและการ ควบรวมกิจการ ปัจจุบันโครงการขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัว (Flexible Packaging) ในประเทศเวียดนาม ได้เริ่มเปิดดำเนินการแล้ว และมีอีก 3 โครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างด้วยงบลงทุนรวมกว่า 7,700 ล้านบาท จะทยอยแล้วเสร็จในปี 2564 ได้แก่ โครงการขยายกำลังการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ (Packaging Paper) ในประเทศอินโดนีเซีย โครงการขยายกำลังการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ (Packaging Paper) ในประเทศฟิลิปปินส์ และโครงการขยายกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัว (Flexible Packaging) ในประเทศไทย

 



สำหรับความคืบหน้าของการควบรวมกิจการ (M&P) กับ Bien Hoa Packaging Joint Stock Company หรือ (SOVI) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กล่องลูกฟูก (Corrugated Containers) รายใหญ่ในประเทศเวียดนามที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โฮจิมินห์ กำลังอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบสินค้าคงคลังรอบสุดท้าย คาดว่าการทำธุรกรรมจะแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งการเข้าลงทุนนี้จะส่งผลให้ SCGP มีกำลังการผลิตบรรจุภัณฑ์ปลายน้ำจากเยื่อและกระดาษในเวียดนามเพิ่มขึ้น รวมถึงเป็นการเพิ่มศักยภาพขยายตลาดบรรจุภัณฑ์ เนื่องจาก SOVI มีฐานลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่เป็นบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่และบริษัทชั้นนำในประเทศ

 

 



“การควบรวมกิจการเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ของบริษัทฯ ที่ต้องการขยายการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน พร้อมทั้งขยายฐานลูกค้าที่เป็นกลุ่มผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคและเพิ่มขีดความสามารถการผลิตบรรจุภัณฑ์ขั้นปลาย เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรทั้งในอาเซียน” นายวิชาญกล่าว

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

รอดเท่ากับไม่เทรด By : เจ๊มดแดง

เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง มองไม่ค่อยเห็น ผู้ชนะในเกมหุ้น แต่นักลงทุนที่รอด ชัวร์ๆ นั่นคือ หยุดเทรด ไม่เทรด ไม่ซื้อขาย ...

มัลติมีเดีย

NER กางปีก..รับราคายางพาราพุ่ง - สายตรงอินไซด์ - 18 มี.ค.67

NER กางปีก..รับราคายางพาราพุ่ง - สายตรงอินไซด์ - 18 มี.ค.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้