HotNews: AH ยัน H2/63 ไร้ขาดทุน
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (10 กันยายน 2563) "ซู ชวน เย็บ " บอสใหญ่ AH เผย H2/63 ยอดขายเริ่มกลับมา เชื่อหนุนผลงานH2/63 ไม่ขาดทุน จาก H1/63 ขาดทุน 300.50 ลบ. คาดยอดขายปี 63 มากกว่า 1.5 หมื่นลบ. ตามยอดผลิตรถยนต์ ปีนี้อยู่ที่1.4 ล้านคัน ด้านเทพหุ้น มองผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว คาดกลับมาเติบโตในปีหน้า
นายซู ชวน เย็บ ประธานกรรมการ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) AH เปิดเผยว่า ยอดขายในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2563 นี้ เริ่มปรับตัวดีขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ที่บริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งส่งผลให้บริษัทฯ มีผลประกอบการขาดทุน 300.50 ล้านบาท อย่างไรก็ตามขณะนี้ยอดขายเริ่มปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ โดยการทำงานของบริษัทฯ กลับมาผลิตเป็น 2 กะตามปกติ และมีการทำงานล่วงเวลา (OT) ทำให้บริษัทฯ มองเห็นการฟื้นตัวของยอดขายแล้ว
" H2/63 เราเริ่มเห็นเทรนด์ของยอดขายกลับบมา เราคาดว่าจะไม่ขาดทุน" นายซู ชวน เย็บ กล่าว
สำหรับปี 2563 บริษัทฯ คาดว่ายอดขายน่าจะมากกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท ตามยอดการผลิตรถยนต์ที่มีการคาดการณ์ว่าทั้งปีจะอยู่ที่ 1.4 ล้านคัน ซึ่งครึ่งปีแรกยอดผลิตรถยนต์อยู่ที่ 6 แสนคัน แต่ครึ่งปีหลังยอดผลิตรถยนต์จะอยู่ที่ 8 แสนคัน ขณะที่การดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ ทั้งในจีน ,โปรตุเกส และมาเลเซีย คาดว่าผลประกอบการจะดีขึ้นเช่นกัน โดยเชื่อว่าในไตรมาส2/63 เป็นช่วงที่บริษัทฯ ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว
ด้าน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่าAH ประกาศผลประกอบการ 2Q63 ขาดทุนหนัก 631 ล้านบาท เทียบกับที่มีกำไร 321 ล้านบาท ในไตรมาสก่อน และ 140 ในปีก่อน ถ้าหากหักขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 138 ล้านบาท จะขาดทุนจากการดำเนินงานปกติ 493 ล้านบาท ผลประกอบการที่ขาดทุนหนักเนื่องจาก การแพร่ระบาดของ Covid-19 ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์อย่างหนัก
ทั้งในและต่างประเทศ ค่ายรถยนต์มีการหยุดผลิตในเดือน เม.ย. - พ.ค. 2563 ทำให้ยอดผลิตรถยนต์ในประเทศทรุดตัวลดลงเหลือ 152,450 คัน (-66%QoQ, -70%YoY) และ ทำให้ยอดขายของ AH ปรับลดลงเหลือ 1,983 ล้านบาท (-59%QoQ, -57%YoY) และ ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นติดลบ -13.2% เทียบกับ +8.9% ในไตรมาสก่อน และ +8.5% ในปีก่อน
ปรับประมาณการยอดผลิตรถยนต์ปี 2563 และ 2564 ลง เหลือ 1.3 ล้านคัน (-35%YoY) และ 1.5 ล้านคัน (+15%YoY) จากคาดการณ์เดิม 1.4 ล้านคัน และ 1.7-1.8 ล้านคันตามลำดับ โดยแนวโน้มครึ่งปีหลังมีสัญญาณการฟื้นตัว จากการคลายล็อกดาวน์ ทั้งในประเทศไทย และบริษัทในต่างประเทศ คือ จีน โปรตุเกส และ มาเลเซีย
โดยยอดผลิตรถยนต์ในประเทศครึ่งปีหลังคาดจะฟื้นตัวกลับมาไตรมาสละประมาณ 350,000 คัน เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2Q63 ประมาณ 130% แต่ยังต่ำกว่าระดับปกติ 440,000-450,000 คัน หรือ ลดลง 20-30% คาดผลประกอบการ 2H2563 จะฟื้นตัวกลับมามีกำไร แต่จะอยู่ในระดับต่ำ เราปรับประมาณการลดลง ปี 2563 เราคาดยอดขาย 14,343 ล้านบาท ลดลง 22% และ ขาดทุนสุทธิเท่ากับ 155 ล้านบาท เทียบกับปี2562ที่ขาดทุน 181 ล้านบาท
คำแนะนำการลงทุนราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น 21 บาท เราประเมินราคาเป้าหมาย บนฐานค่าเฉลี่ย Forward P/E 10 ปี ประมาณ 9.3 เท่า โดยใช้กำไรปี 2564 จะได้เท่ากับ 11 บาท คงแนะนำ ถือ
ความเสี่ยงการแพร่ระบาดของCovid-19/ภาวะทรุดตัวของรถยนต์ในและต่างประเทศ
บล.คิงส์ฟอร์ด ระบุในบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ว่า AH รายงานผลประกอบการ 2Q63 ขาดทุนสุทธิหนัก 631 ล้านบาท พลิกจาก 1Q63 ที่กำไรสุทธิ 321 ล้านบาท และ 1Q62 ที่กำไรสุทธิ 217 ล้านบาท อย่างไรก็ตามหากไม่รวมขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดจากค่าเงินบาทแข็งค่า บริษัทจะขาดทุนปกติ 493 ล้านบาท แย่ลง QoQ, YoY
โดยรายได้จากการขายและบริการหดตัว -57%YoY อยู่ที่ 1,983 ล้านบาท เป็นรายได้ธุรกิจการผลิตชิ้นส่วนฯ ที่ลดลง -59%YoY จากผลิตในเดือน เม.ย.-พ.ค.ทั้งประเทศไทย จีน และโปรตุเกสอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากค่ายรถยนต์ส่วนใหญ่หยุดสายการผลิตชั่วคราวจากมาตรการ Lockdown
โดยตัวเลขการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยลดลง -70%YoY อยู่ที่ 152,450 คัน ส่วนรายได้ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ลดลง -52%YoY จากยอดขายทั้งในประเทศไทยและมาเลเซียเป็นผลจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ทำให้ตลาดค่อนข้างซบเซา ด้านต้นทุน -47%YoY อยู่ที่ 2,245 ล้านบาท ลดลงในสัดส่วนที่น้อยกว่ายอดขาย ทำให้แสดงเป็นขาดทุนขั้นต้นที่ 262 ล้านบาท ด้าน SG&A ลดลงแต่ค่าใช้จ่ายทางการเงินเพิ่มขึ้นและมีการรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากการลงทุน 91 ล้านบาทจากปีก่อนที่กำไร รวมแล้ว 1H63 บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 301 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 356 ล้านบาท
ทั้งนี้จากผลการดำเนินงาน 1H63 ที่ออกมาต้องเผชิญกับภาวะขาดทุนหนักเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่ส่งผลต่อ Supply Chain อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกต้องหยุดชะงักชั่วคราว ทำให้เราต้องปรับลดประมาณการปี 63 ลงเป็นขาดทุนสุทธิ 91 ล้านบาท และปรับลดกำไรปี 64 ลงจากเดิมราว 33% อยู่ที่ 365 ล้านบาท
โดยคาดหวังเห็นการทยอยฟื้นตัวในช่วง 2H63 หลังลูกค้าค่ายรถยนต์ในประเทศกลับมาผลิตได้เหมือนเดิมใน 3Q63 ซึ่งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) คาดการณ์ยอดผลิตรถยนต์ปีนี้ลดลง -30%YoY อยู่ที่ 1.4 ล้านคัน (จากตัวเลขยอดผลิตรถยนต์ ม.ค.-มิ.ย.63 มีจำนวน 606,132 คัน -43%YoY)
ส่วนฐานการผลิตของบริษัทในต่างประเทศก็กลับมาดำเนินการแล้วหลังเดือน มิ.ย.น่าจะทำให้อาปิโก ไมอา (ส่วนงานในประเทศโปรตุเกส) ที่ขาดทุนใน 2Q63 จะกลับมาถึงจุดคุ้มทุนอีกครั้ง ส่วนธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์จะได้แรงหนุนจากตลาดในประเทศดีขึ้นหลังผ่อนคลาย Lockdown การเปิดตัวรถใหม่ การจัดงานมอเตอร์โชว์ ส่วนในมาเลเซียรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นลดภาษีรถยนต์ใหม่เป็นเวลา 6 เดือน จนถึงสิ้นเดือน ธ.ค.63
แนะนำ "ถือ" ปรับไปใช้ราคาเหมาะสมปี 64 ที่ 9.00 บาท (เดิม 10.00 บาท) อิง PER ที่ 8.0x เท่ากับระดับค่าเฉลี่ยในอดีตย้อนหลัง 5 ปี แนวโน้มผลประกอบการของบริษัทได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 2Q63 แต่การฟื้นตัวของบริษัทยังมีแรงกดดันจากภาระดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้นเกิดจากเงินกู้ที่นำไปใช้ใช้ซื้ออาปิโก ไมอา ขณะที่ฐานะทางการเงินตึงตัวมากขึ้นจากระดับ D/E สูงในระดับ 2 เท่า อย่างไรก็ตามราคาหุ้นในปัจจุบันต่ำ Book ที่ PBV 0.4x ถือว่ามี downside จำกัดแล้ว ดังนั้นเราจึงคงคำแนะนำ "ถือ"
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า AH รายงานผลประกอบการ 2Q63 มีผลประกอบการขาดทุน 631 ล้านบาท ปรับลดลงจาก 1Q63 และ 2Q62 ที่มีกำไรปกติ 162 ล้านบาท และ 140 ล้านบาท ตามลำดับ ผลประกอบการต่ำกว่าประมาณการของเราที่คาดขาดทุน 164 ล้านบาท จากยอดขายที่ต่ำกว่าคาด 28%
รายได้จากการให้บริการปรับลดลง 57%YoY เหลือ 1,983 ล้านบาท เนื่องจากผลกระทบ COVID-19 ส่งผลให้ค่ายรถยนต์หยุดการผลิตในเดือน เมษายน ขณะที่เดือน พ.ค.- มิ.ย แม้ว่าจะเริ่มกลับมาผลิต แต่ยังไม่กลับสู่ระดับปกติ ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตปรับลดลงจากไตรมาสแรก 30-40% และยอดผลิตรถยนต์ใน 2Q63 ลดลง 70%YoY ถือว่าเป็นไตรมาสที่ตกต่ำสุดในรอบ 10 ปี
ประสิทธิภาพในการทำกำไรลดลง แม้บริษัทพยายามควบคุมต้นทุนโดย ลดเงินเดือนพนักงาน 10-50% ยกเว้นพนักงานที่มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน รวมถึงปรับลดจำนวนพนักงานลงตามกำลังผลิตที่ลดลง โดยเฉพาะ subcontract ที่มีการเลิกจ้าง แต่ไม่สามารถชดเชยผลกระทบจากยอดขายที่ปรับลดลง โดย EBITDA Margin ปรับลดลงจาก 2Q63 ที่ 5% เป็น -14.9%
แนวโน้ม 2H63 คาดผลประกอบการมีแนวโน้มดีขึ้นจากครึ่งปีแรก แต่เป็นการฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป หลังรัฐบาลคลาย Lockdown ทำให้ค่ายรถยนต์เริ่มกลับมาเดินเครื่องผลิตเพิ่มขึ้น เบื้องต้น เราประมาณการปี 2563 มีผลขาดทุน 451 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน ที่มีกำไรปกติ 751 ล้านบาท (ไม่รวมรายการพิเศษ 932 ล้านบาท จากรายการ หนี้สงสัยจะสูญโอนกลับ และ ขาดทุนด้อยค่าเงินลงทุน) ซึ่งรับผลกระทบจากอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ที่ชะลอตัว อิงสมมติฐานยอดผลิตรถยนต์ของประเทศที่ 1.1 ล้านคัน ปรับลดลง 45%YoY รวมถึงผลกระทบเต็มปีจากการหยุดรับรู้รายได้ดอกเบี้ยรับจาก SGAH ราว 240 ล้านบาทต่อปี รวมถึงภาระดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้น
ประเด็นนิสสันย้ายฐานการผลิตจากอินโดนีเซียมายังประเทศไทย ถือเป็นข่าวบวกต่อกลุ่มชิ้นส่วน โดย AH มีสัดส่วนรายได้จากนิสสัน สำหรับการผลิตชิ้นส่วน OEM ราว 4% ซึ่งมองว่ามีโอกาสได้ออร์เดอร์มากขึ้น.
ระยะสั้นมีมุมมองเป็นลบต่อผลประกอบการที่อ่อนแอกว่าที่เราและตลาดคาด อย่างไรก็ตาม เรามองว่าผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และจะกลับมาเติบโตในปีหน้า เราอยู่ระหว่างทบทวนปรับลดประมาณการ หลังประชุมร่วมกับบริษัทในวันที่ 10 ก.ย.นี้