Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : EPG งวดปี63/64 คงเป้าปั้มรายได้ 9 พันลบ. ชูผลงานไตรมาสต่อๆ ไปเร่งตัวดีขึ้น

2,225

HotNews : EPG งวดปี 63/64 คงเป้าปั้มรายได้ 9 พันลบ. ชูผลงานไตรมาสต่อๆ ไปเร่งตัวดีขึ้น

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 8 กันยายน 2563) "รศ.ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์"  แม่ทัพ EPG มองแนวโน้มธุรกิจปรับตัวดีขึ้นในไตรมาสต่อไป  ตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลก    พร้อมมุ่งเน้นนโยบายลดค่าใช้จ่าย เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เพื่อรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นงวดปี 63/64  ที่ 28-30%   คงเป้ารายได้ 9,000 ล้านบาท

 

 

 

 

 

รศ.ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์และพลาสติกแปรรูปชั้นนำของโลกเปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก เมื่อเร็วๆ นี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับประมาณการณ์การเติบโตเศรษฐกิจโลกในปี 63 ที่ติดลบ 4.9% เนื่องจากการระบาดใหญ่ของโรค Covid-19 ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและคาดว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังจะค่อยเป็นค่อยไป

 

 

EPG ผ่านวิกฤตทางเศรษฐกิจต่างๆ มาหลายครั้ง สำหรับครั้งนี้ EPG สามารถรับมือได้ดีพอสมควร การนำนโยบายลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน หรือ นโยบาย “USE” (U: Utilization การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า S: Save การประหยัดค่าใช้จ่าย และ E: Efficiency การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน) มาใช้บริหารงานภายในองค์กร เริ่มเห็นผลชัดเจนขึ้นในไตรมาสที่ 1 ปี 63/64 (เม.ย.63 - มิ.ย.63) โดยคาดว่าผลประกอบการจะดีขึ้นในไตรมาสต่อๆ ไปตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ซึ่งในปีบัญชี 63/64 (เม.ย.63 - มี.ค.64) บริษัทตั้งเป้ายอดขายประมาณ 9,000 ล้านบาท รักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นที่ 28-30% สำหรับการดำเนินงานใน 3 ธุรกิจ มีดังนี้

 

 


ธุรกิจฉนวนยางกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ AEROFLEX ตั้งเป้าทำการตลาดสำหรับสินค้าพรีเมี่ยมเป็นหลักทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา สำหรับตลาดในสหรัฐอเมริกายอดขายในช่วงนี้เริ่มปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน แต่ยังมีความไม่แน่นอนเนื่องจากยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อ Covid-19 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับตลาดภูมิภาคการส่งออกยังประสบปัญหาเรื่องข้อจำกัดด้านโลจิสติกส์ในบางประเทศ และความต้องการผลิตภัณฑ์ก่อสร้างชะลอตัว ส่วนตลาดในประเทศชะลอตัวตามแนวโน้มการก่อสร้างในประเทศที่ลดลง อย่างไรก็ตามฉนวน AEROFLEX จัดเป็นสินค้าจำเป็นที่ใช้ในระบบปรับอากาศ อุตสาหกรรมอาหารแช่แข็ง อุตสาหกรรมยา และคลีนรูม เป็นต้น จึงทำให้ AEROFLEX สามารถรักษาส่วนแบ่งการตลาดได้ดี

 

 


ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ AEROKLAS มีสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนกลุ่มลูกค้า OEM (Original Equipment Manufacturer) เริ่มกลับมาสั่งซื้อสินค้าตั้งแต่เดือนกรกฎาคม เช่นเดียวกับบริษัทร่วมทุนในกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้ากลุ่ม OEM เช่นกัน สำหรับธุรกิจในออสเตรเลียมีแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปเนื่องจากประชากรท่องเที่ยวภายในประเทศเพิ่มขึ้นและมีความต้องการใช้งานอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางท่องเที่ยวแบบออฟโรด

 

 


อย่างไรก็ตาม AEROKLAS มีจุดแข็งด้านช่องทางการจัดจำหน่ายทั้ง OEM/ ODM (Original Design Manufacturer) After Market และการส่งออก จึงสามารถใช้ช่องทางดังกล่าวให้เกิดประโยชน์สูงสุด และให้เกิด Synergy ของกลุ่มธุรกิจทั้งหมดของ AEROKLAS

 

 


ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกภายใต้แบรนด์ EPP มุ่งเน้นขยายตลาดในกลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหารประเภทกล่องใส่อาหาร ถ้วยน้ำดื่ม และสินค้าอุตสาหกรรม ด้วย EPP มีกำลังการผลิตขนาดใหญ่จึงต้องบริหารจัดการกระบวนการผลิตให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งในช่วงนี้ EPP ยังคงได้รับผลบวกจากราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลง นอกจากนี้ EPP ได้พัฒนาสินค้าใหม่หลายประเภท เช่น กล่องใส่อาหารและถ้วยน้ำดื่มรุ่นใหม่/ ถ้วยน้ำดื่มภายใต้แบรนด์ eici ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาด รวมถึงการพัฒนาบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ใช้วัตถุดิบประเภท Bio plastic และบรรจุภัณฑ์ประเภทกระดาษเพื่อสามารถให้บริการด้านบรรจุภัณฑ์อย่างครบวงจร และสินค้านวัตกรรม “หน้ากากอเนกประสงค์ EP-Kare” เป็นต้น สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ปี 63/64 (เม.ย.63 – มิ.ย.63) บริษัทมีรายได้จากการขาย 1,952.2 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 27.0% มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 28.9% และมีกำไรสุทธิ 74.6 ล้านบาท ลดลง 65.3% เป็นผลมาจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ ของโลกต้องหยุดชะงักจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 รศ.ดร.เฉลียว กล่าว

 

 

บริษัทมีต้นทุนขายสินค้าลดลง 27.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับผลประโยชน์จากราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลง และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง 18.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอีกหนึ่งประเด็นที่ส่งผลกระทบกับกำไรสุทธิของบริษัท คือบริษัทได้ปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน TFRS 9 และTFRS 16 มีผลต่อการจัดประเภทรายการใหม่และการวัดสินทรัพย์ทางการเงินและหนี้สินทางการเงิน โดยบันทึกผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและ ขาดทุนอื่น เป็นจำนวน 17.9 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทได้รับส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้า ที่ 20.7 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทร่วมทุนที่ผลิตสินค้าเพื่อขายให้อุตสาหกรรมยานยนต์ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ และการแพร่ระบาดของโรค Covid-19

 

 

 


กูรูหยวนต้า แนะนำซื้อ EPG ราคาเป้าหมาย 5.80 บาท/หุ้น


บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า EPG รายงานกำไรสุทธิ 1Q63 (ปิดงบ 1Q เดือน มิ.ย.) จำนวน 76 ลบ. ลดลง 64.6%YoY แต่หากไม่รวมรายการพิเศษที่บันทึกในไตรมาสนี้ ได้แก่ ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 25.8 ลบ. และผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นตาม TFRS9 (ไตรมาสนี้บริษัทเริ่มใช้ TFRS9 เป็นครั้งแรก) จำนวน 18 ลบ. จะมีกำไรปกติ 119 ลบ. ลดลง 51.4%YoY ใกล้เคียงที่ตลาดคาด

ปัจจัยกดดันหลักมาจากรายได้รวมที่ลดลงไปกว่า 27%YoY แบ่งเป็น
1) ธุรกิจฉนวนยาง (AFC) รายได้ลดลง 16.5%YoY หลังยอดขายในสหรัฐฯ และภูมิภาคปรับตัวลงในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้งานก่อสร้างต่างๆ ชะลอตัวลงชั่วคราว
2) ธุรกิจอะไหล่ยานยนต์ (ARK) ยอดขายลดลง 41.6%YoY สอดคล้องกับยอดขายรถกระบะ 1 ตันในประเทศเดือน เม.ย.-พ.ค. ที่ลดลงกว่า 44.7%YoY จากกำลังซื้อในประเทศที่อ่อนแอ อีกทั้งลูกค้าหลายรายได้หยุดโรงงานผลิตตั้งเดือน มี.ค.-พ.ค. ทำให้การสั่งชิ้นส่วนของบริษัทน้อยลงไปด้วย ขณะที่ TJM ในออสเตรเลียได้รับผลกระทบไม่ต่างกัน ทำให้มีผลขาดทุนเพิ่มเข้ามาในไตรมาสนี้ 3) ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก ยอดขายลดลง 9.4%YoY แม้มีปัจจัยบวกจากยอดขาย Food Packaging ที่โตดีในช่วงล็อคดาวน์ที่มียอด Food Delivery เพิ่มขึ้นมาก แต่ไม่เพียงพอที่จะทดแทนยอดขายแก้วพลาสติกที่หายไปมาก
ส่วนแบ่งกำไร/ขาดทุนจากบริษัทร่วมพลิกเป็นขาดทุน 21 ลบ. จากมีกำไร 34 ลบ. ใน 1Q62 เนื่องจากทั้ง TER และ ZAP ต่างเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ทำให้ได้รับผลกระทบจากยอดขายยานยนต์ลดลงมากเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ปัจจัยลบดังกล่าวบางส่วนถูกบรรเทาลงด้วยอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวขึ้นเป็น 28.9% จาก 28.3% ใน 1Q62 หนุนด้วยต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวลงในช่วงที่ผ่านมา บวกกับบริษัทมีการปรับลด OT พนักงานเพื่อลดต้นทุนในการผลิตในช่วงที่การใช้กำลังการผลิตลดต่ำลงตามยอดขาย

 

 

Our Take


แม้กำไรปกติใน 1Q63 จะเป็นเพียง 13.6% ของประมาณการกำไรปกติทั้งปี แต่เรายังคงประมาณการเดิม โดยคาด 1Q63 จะเป็นจุดต่ำสุดของกำไรปกติในปี เนื่องจากได้รับผลกระทบจากดีมานด์ทั้งในและต่างประเทศที่ลดลงไปมาก และการใช้กำลังการผลิตใหม่จากโรงงาน AFC5 ที่ไม่เต็มที่ แต่จากการพูดคุยเบื้องต้นกับทาง EPG พบว่า Operation หลายๆ ส่วนได้เริ่มทยอยฟื้นตัวดีขึ้นแล้วตั้งแต่เดือน มิ.ย.

 

นำโดย ARK ที่มีคำสั่งซื้อกลับเข้ามามากหลังโรงงานเริ่มกลับมาผลิตรถยนต์อีกครั้งบวกกับความต้องการซื้อที่เริ่มดีขึ้นสะท้อนจากยอดขายรถกระบะ 1 ตัน ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากจุดต่ำสุดในเดือน เม.ย. (เดือน พ.ค. โต 38.3%MoM และเดือนมิ.ย.โต 27.8%MoM) ส่วนธุรกิจของ TJM มีทิศทางเป็นบวกมากขึ้นจากความต้องการอะไหล่รถ 4x4 และ SUV ที่เพิ่มขึ้น ส่วนธุรกิจฉนวนยางพบว่ายอดขายในภูมิภาคทั้ง CLMV และญี่ปุ่นเริ่มฟื้นตัวขึ้นเช่นกัน ขณะที่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์มีการเติบโตขึ้นตามการบริโภคในประเทศที่เพิ่มขึ้นมาก เราจึงคาดกำไรปกติทั้งปีของ EPG ในปี 2563 จะอยู่ที่ 876 ลบ. ลดลง 12.4%YoY  มองว่าราคาหุ้นที่ปรับลงต่อเนื่อง จนราคาหุ้นปัจจุบันมีกลับมามี Upside ราว 20.3% จากมูลค่าพื้นฐานปี 2563 ที่ 5.80 บาท ได้สะท้อนปัจจัยลบไปมาก ขณะที่ผลดำเนินงานคาดเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นตั้งแต่ 2Q63 เป็นต้นไป อีกทั้งคาดให้ Div. Yield อีก 3.2%จึงปรับเพิ่มคำแนะนำจาก "Trading" เป็น "ซื้อ"

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

ผถห. SSP ผ่านฉลุย! จ่ายปันผล 0.20 บาท/หุ้น

ผถห. SSP ผ่านฉลุย! จ่ายปันผล 0.20 บาท/หุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้