Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews: โบรกฯ เคาะกำไรโค้ง2 NER โตแรง106%

2,438

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(17 กรกฎาคม 2563)--- บล.ฟิลลิป เคาะกำไรโค้ง2 NER โตแรง106% Q-Q  ตามปริมาณขายเพิ่มเป็น 68,000 ตันหลังจีนกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง ด้านกูรูหยวนต้า ชี้จุดแข็ง NER ต่างจากธุรกิจยางธรรมชาติอื่นคือ ไม่มีการสต๊อกน้ำยางจึงไม่มีความผันผวนเรื่องของกำไร/ขาดทุนจากสต๊อก และมีการซื้อยางมาเก็บเท่ากับที่จะต้องใช้ผลิตตามออเดอร์ ทำให้คาดการณ์รายได้และอัตรากำไรได้ทันที 6 - 8 เดือนล่วงหน้า เคาะราคาเป้าหมายปี 63 ที่ 3.25 และ 3.90 มี Upside gain อีก 22 - 47%


บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ออกบทวิเคราะห์เปิดเผยว่า บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) NER คาดแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส2/63 คาดกำไรฟื้นตัว q-q ที่ 124 ล้านบาท ทางฝ่ายคาดการดำเนินงานไตรมาส2/63 ฟื้นตัวมาก q-q โดยปริมาณขายเพิ่มเป็น 68,000 ตันหลังจีนกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง แต่ราคาขายเฉลี่ย -5% ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มเพียง 1% q-q ที่ 2,992 ลบ. แต่ราคาขายที่ลดลงทำให้แนวโน้ม margin อ่อนลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายคาดใกล้เคียง q-q แต่คาดดอกเบี้ยจ่ายจะเพิ่มขึ้นจากเงินกู้ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นทำให้รับรู้ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่มีการทำสัญญาล่วงหน้าไว้ลดลง ส่งผลให้กำไรสุทธิอยู่ที่ 124 ลบ. -26% y-y แต่ +106% q-q



คงแนะนำ "ซื้อ" ปรับราคาพื้นฐานเป็น 3.04 บาท แม้การขายอาจสะดุดไปจาก COVID-19 ที่เกิดขึ้น แต่จากยอดขายรถยนต์ในตลาดหลักอย่างจีนที่เห็นการฟื้นตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันซึ่งเป็นบวกต่อการส่งออกยางของ NER ในตลาดดังกล่าว ประกอบกับการได้ลูกค้าใหม่ที่จะส่งมอบในครึ่งปีหลังมาจะหนุนการดำเนินงานช่วงที่เหลือของปีฟื้นตัว ขณะที่โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนแม้ว่าจะเป็นส่วนเพิ่มต่อประมาณการแต่ทางฝ่ายยังไม่ได้รวมอยู่ในประมาณการเนื่องจากยังไม่มีระยะเวลาการรับรู้รายได้ที่ชัดเจน ณ ราคาปัจจุบันคงแนะนำ "ซื้อ" ปรับราคาพื้นฐาน 3.04 บาท

 

ขณะที่ก่อนหน้านี้ บทวิเคราะห์ บจ.หลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า NER ได้ประโยชน์จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจในจีนที่ทยอยเปิดได้เร็วกว่าประเทศอื่น และได้รับคำสั่งซื้อมากขึ้น เพราะลูกค้าไม่มีการสต๊อกใน 1Q63 เพราะมีการปิดประเทศ
NER มีจุดแข็งที่มีลูกค้าเป็นผู้ผลิตยางล้อรถยนต์ และรถบรรทุกรายใหญ่ในจีน ล่าสุดได้ลูกค้าใหม่คือ LLIT (หลิงหลง) และ Triangle tiresปี 2563 มีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มขึ้น 59% หรือ 172,800 ตัน/ปี เป็น 465,600 ตันต่อปี เสร็จแล้ว 70% และจะเสร็จทั้งหมดใน 4Q63 โดยกำลังการผลิตใหม่เป็นสินค้ายางอัดแท่ง และยางอัดแท่งผสม ทั้งนี้เพื่อรองรับลูกค้าใหม่ 2 รายดังกล่าว โดย

1) Triangle มีสัญญาสั่งซื้อระหว่าง มิ.ย. 2563 - พ.ค. 2564 ที่ 24,000 ตัน
2) LLIT มีสัญญาสั่งซื้อช่วง ก.ค. 2563 - มิ.ย. 2564 ที่ 48,000 ตัน รวมลูกค้าใหม่เพียง 2 รายนี้มีปริมาณถึง 72,000 ตัน กิน

สัดส่วนถึง 42% ของกำลังการผลิตใหม่ที่เพิ่งเพิ่มขึ้นมา และมีอีกหลายรายที่อยู่ระหว่างเจรจา บริษัทคาดว่ากำลังการผลิตใหม่จะเต็มกำลังการผลิตที่ 80% ขึ้นไปได้ภายในปี 2564


จุดแข็งที่สำคัญ NER ต่างจากธุรกิจยางธรรมชาติอื่นคือ ไม่มีการสต๊อกน้ำยางจึงไม่มีความผันผวนเรื่องของกำไร/ขาดทุนจากสต๊อก และมีการซื้อยางมาเก็บเท่ากับที่จะต้องใช้ผลิตตามออเดอร์ มีการกำหนดราคาขาย กำหนดอัตราแลกเปลี่ยน บวกกับอัตรากำไรที่ต้องการทันที ณ วันทำสัญญาซื้อขาย ทำให้คาดการณ์รายได้และอัตรากำไรได้ทันที 6 - 8 เดือนล่วงหน้าจึงได้รับผลกระทบจากความผันผวนของราคายาง และอัตราแลกเปลี่ยนจำกัด


แนวโน้ม 2Q63 คาดปริมาณส่งมอบอาจชะลอลงบ้างเพราะการขายใน 1Q63 ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 แต่ปัจุจบันลูกค้ากลับมาปกติแล้ว แต่คาดว่า GPM จะทรงตัวสูงจาก 1Q63 ที่ทำได้ 14% เพราะต้นทุนยางยังต่ำ คาดกำไรปกติที่ระดับ 100 - 120 ลบ. แต่อาจมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนและ Forward contract เช่นกัน 80 - 100 ลบ. ทำให้กำไรสุทธิจะอยู่ที่ราว 180 - 220 ลบ.
แต่กำไรจะเด่นมากใน 3Q63 เป็นต้นไป จากลูกค้าเดิม และลูกค้าใหม่ LLIT และ Triangle เริ่มเข้ามาเต็ม ไตรมาส พร้อมกับราคาขายที่เพิ่มขึ้นใน 2Q63 แต่ส่งมอบใน 3Q63 รับรู้รายได้และอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นใน 3Q63 คาดว่า GPM อาจขึ้นไปแตะที่ระดับ 16 - 17% ได้ ส่วน 4Q63 คาดกำไรทำระดับสูงสุดใหม่ เพราะเป็น High season พร้อมกับ GPM ที่สูงขึ้น ปัจจุบันมียอดขายที่ทำสัญญารองรับแล้วถึงเดือน ต.ค. 2563 ซึ่งบริษัทคาดว่ายอดขายในปี 2563 จะอยู่ที่ 17,000 ลบ.เติบโตราว 31% YoY


คาดการณ์กำไรปกติ 2563 เบื้องต้นแบบ Conservative ด้วย NPM 2.9%, 3.5% และ 4.1% (ต่ำกว่า 6.3% ที่ทำได้ใน 1Q63) ได้กำไรปกติที่ 500 - 700 ล้านบาท ได้ EPS ปี 2563 ที่ 0.27 - 0.38 บาท อิง PER ที่ 10 - 12 เท่า ได้ราคาเป้าหมายปี 2563 ที่ 2.71 - 4.55 มีหากพิจารณาที่ค่ากลางคือที่กำไรปกติ 600 ลบ. จะคิดเป็น EPS ที่ 0.32 บาท อิง PER ที่ 10 และ 12 เท่าได้ราคาเป้าหมายปี 2563 ที่ 3.25 และ 3.90 บาทตามลำดับมี Upside gain อีก 22 - 47%


สำหรับปี 2564 คาดกำไรเติบโต 25% YoY จากกำลังการผลิตใหม่สร้างรายได้เต็มปี แต่หากสามารถใช้กำลังการผลิตได้เต็มตามแผนของบริษัทอาจเห็นการเติบโตได้มากกว่า 40% YoY ที่การเติบโต 25% YoY ได้กำไรปกติในช่วง 625 - 750 ลบ. ได้ราคาเป้าหมายปี 2564 ในช่วง 3.38 - 5.68 บาท โดยมีค่ากลางที่กำไรปกติ 750 ลบ. คิดเป็น EPS ที่ 0.41 บาท อิง PER ที่ 10 และ 12 เท่า คิดเป็นราคาเป้าหมายช่วง 4.06 และ 4.87 บาทตามลำดับ มี Upside gain 53 - 83%


ที่กำไรสุทธิ 600 ลบ. ปี 2563 และ 750 ลบ. ในปี 2564 ที่ราคาปิดล่าสุดที่ 2.66 บาทคิดเป็น PER ที่ 8.2x และ 6.6x ตามลำดับ

ด้าน นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER เปิดเผยว่า บริษัทฯมั่นใจว่าผลประกอบการครึ่งปีหลังมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก เนื่องจาก โรงงานของลูกค้าในประเทศจีนเริ่มกลับมาเดินเครื่องผลิตอีกครั้ง หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คลี่คลายลงส่งผลให้บบริษัทฯได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มมากขึ้น


อีกทั้งยอดจำหน่ายรถเพื่อการพาณิชย์ในจีนเริ่มกลับมาเติบโตอีกครั้ง ซึ่งจากรายงานขององค์การศึกษาเรื่องยางระหว่างประเทศ(IRSG)ระบุว่ายอดจำหน่ายรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ในประเทศจีนเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้ปรับเพิ่มขึ้นถึง 31.5% และมีแนวโน้มดีต่อเนื่องในเดือนพฤษภาคม ดังนั้นหากการผลิตรถยนต์กลับมาเติบโตจึงเป็นผลบวกต่อการผลิตยางล้อด้วยเช่นกัน

 


นอกจากนี้บริษัทฯยังได้สัญญาระยะยาวจากลูกค้าใหม่เพิ่มเข้ามาอีก จำนวน 2 ราย ได้แก่ Triangle tyre ซึ่งมีคำสั่งซื้อกับบริษัทฯประมาณ 24,000 ตัน/ปีและ LLIT ซึ่งมีคำสั่งซื้อกับบริษัทฯประมาณ 48,000 ตัน/ปี


ดังนั้นบริษัทฯยังคงมั่นใจว่ารายได้ปี 2563 จะสามารถทำได้ตามเป้าที่วางไว้ 17,000 ล้านบาท หรือเติบโต 50% จากปีก่อนที่ทำได้ 13,107.15 ล้านบาท และมียอดขายอยู่ที่ 365,000 ล้านตัน ประกอบกับจะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการตั้งค่าเผื่อจะขาดทุนเข้ามาจากไตรมาส 1/2563 ซึ่งจะช่วยให้กำไรสุทธิในไตรมาส 2/2563 ปรับตัวดีขึ้น และมองว่าจะขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนน้อยลง ซึ่ง ณ เดือน พฤษภาคม 2563 ค่าเงินบาทอยู่ที่ 31 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ถือว่าค่อนข้างทรงตัวล้ว จากเดือนมีนาคมอยู่ที่ 32 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ



---จบ---

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

ความหวัง By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อยขี่ไม้กวาดวิเศษ เช้านี้หุ้นไทยปรับขึ้นตามหุ้นต่างประเทศด้วยมีความหวังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ....

ตามตัวเลข By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม นั่งเล่นในดงกล้วย มองดูตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของบ้านเราที่ประกาศออกมา ทั้งตัวเลขส่งออกเดือนมี.ค.ที่หดตัวเป็น...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้