Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews: PTG ชูธงเป้ารายได้ปี61 โต20-25% -BSM เพิ่มทุนPP รับแผนลงทุนThe Teak Sukhumvit 39 -CHO เพิ่มทุนให้ "Macquarie Bank Limited"- พ่วงขาย RO

1,287

 

 

 


 HotNews: PTG ชูธงเป้ารายได้ปี61 โต20-25% 

-BSM  เพิ่มทุนPP รับแผนลงทุนThe Teak Sukhumvit 39  

-CHO เพิ่มทุนให้ "Macquarie Bank Limited"- พ่วงขาย RO


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(   14 พฤศจิกายน   2560)-------- PTG มั่นใจรายได้ปีนี้ตามเป้าที่ 9หมื่นลบ. ตามปริมาณขายเพิ่มแตะ 3.4 พันล้านลิตร ปีนี้เพิ่มสถานีบริการน้ำมันครบ1,700สาขา จากปัจจุบัน1,639สาขา ใช้งบ8-9ลบ./สาขา  คาดสัดส่วนกำไรสุทธิ Non-oil ปีนี้อยู่ที่ 10% ดันปีหน้าแตะ18-20% หลังPalm Complex เดินเครื่องQ1/61 คาดรายได้-ปริมาณการขายน้ำมันปี61 โต20-25%  เผยปี61 เล็งใช้งบลงทุน 5พันลบ. ใช้ขยายธุรกิจNon-oil -เพิ่มสถานีบริการน้ำมันอีก300-350สาขา
BSM   จะเข้าลงทุนโครงการ The Teak Sukhumvit 39  คอนโดฯใจกลางสุขุมวิท   เงินลงทุน 248.15 ลบ.   ระบุซื้อที่ดินและเตรียมการไปแล้ว 145 ลบ.  คงเหลือที่ต้องลงทุนอีก103.15 ลบ.    งานนี้ออกหุ้นเพิ่มทุน  200  ล้านหุ้น ที่ราคาขายหุ้นละ 0.65 บาท ขาย PP  4 ราย  นำเงินรองรับลงทุนโครงการ The Teak Sukhumvit 39  คาด  Equity IRR  อยู่ที่ 20.71% ต่อปี
CHO   เพิ่มทุน  539,882,531  แบ่งออกเป็นสองส่วนคือ เพิ่มทุนแบบ General Mandate ซึ่งจะขายให้ผู้ถือหุ้นเดิมและแบบกำหนดวัตถุประสงค์จะขายให้กับ "Macquarie Bank Limited"  ชี้ชัดเพิ่มทุนครั้งนี้เสริมศักยภาพของบริษัทให้แข็งแกร่ง มีศักยภาพรองรับการขยายธุรกิจและงานประมูลที่จะมีเพิ่มเติมในอนาคต  


     นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจรายได้ปีนี้แตะระดับ 90,000  ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 64,926.54  ล้านบาท  ตามปริมาณการขายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยช่วง9เดือนที่ผ่านมามีปริมาณการเติมน้ำมันที่2,500ล้านลิตรแล้ว ซึ่งคาดว่าทั้งปีปริมาณการขายน้ำมันจะอยู่ที่ 3,400ล้านลิตร 
ขณะที่ช่วงไตรมาส4/60 เป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจบริการน้ำมัน เนื่องจากมีผู้เดินทางจำนวนมากจึงส่งผลให้ผู้เข้าใช้บริการสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก อีกทั้งสาขาPTG ยังครอบคลุมเกือบทั่วทั้งประเทศซึ่งทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้ามาใช้บริการได้สะดวกมากยิ่งขึ้น   ซึ่งภายในปีนี้บริษัทตั้งเป้าจะขยายสถานีบริการน้ำมันให้ครบ 1,700แห่ง จากปัจจุบันที่มีอยู่ทั้งสิ้น 1,639แห่ง หรือเปิดมาแล้วจากช่วงต้นปีราว300แห่ง  คาดจะใช้งบลงทุนราว 8-9ล้านบาทต่อสาขา  เงินทุนมาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท
พร้อมกันนี้บริษัทคาดสัดส่วนกำไรสุทธิของธุรกิจNon-Oil ปีนี้จะอยู่ที่10% จากปัจจุบันที่อยู่ราว 8% พร้อมยังตั้งเป้าสัดส่วนกำไรสุทธิของNon-oilในปี61 จะเพิ่มมาอยู่ที่ระดับ18-20% จากการขยายธุรกิจNon-oil ที่มีอยู่ อย่างเช่น การเพิ่มสาขาของกาแฟพันธุ์ไทย และการเพิ่มสาขาของร้านกาแฟ Coffe World รวมถึง ขยายศูนย์ซ่อมบำรุงรถบรรทุกและรถทั่วไปอย่างต่อเนื่อง  ขณะเดียวกันคาดจะเพิ่มช่องทางการบริการใหม่ๆ อีกราว 2-3 ธุรกิจ เพื่อให้สอดคล้องกับธุรกิจที่มีอยู่ 
    สำหรับธุรกิจ Palm Complex ครบวงจรคาดจะเริ่มดำเนินธุรกิจเชิงพาณิชย์ของกระบวนการผลิตไบโอดีเซลได้ในช่วงไตรมาส1/60 ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทลดต้นทุนได้เป็นอย่างมากและยังทำให้มีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆที่สามารถบริการลูกค้าที่มีความหลากหลายมากขึ้น 
ทั้งนี้บริษัทยังตั้งเป้ามีสัดส่วนกำไรสุทธิจากธุรกิจ Non-oil อยู่ที่ 60% ภายในปี65 ตามการเพิ่มบริการใหม่เฉลี่ยปีละ2-3บริการ ซึ่งมีการเจรจาระหว่างผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง 
นายพิทักษ์  กล่าวถึงแนวโน้มปี61 บริษัทคาดรายได้และปริมาณการขายน้ำมันปี61 จะเติบโตจากปีนี้ราว20-25% ซึ่งเป็นผลมาจากฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากมีผู้ที่สนใจหันมาใช้บริการของสถานีบริการน้ำมันของPTG เพิ่มขึ้น รวมถึงการเปิดสาขาที่กระจายครอบคลุมทั่วประเทศ   พร้อมประเมินว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคจะเริ่มฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจที่โตขึ้น 
ขณะที่บริษัทคาดปี61 จะใช้งบลงทุนทั้งสิ้น5,000ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 3,500ล้านบาท ใช้ในส่วนของการขยายสถานีบริการน้ำมันเพิ่มอีก300-350สาขา และในส่วนที่เหลืออีก1,500ล้านบาท นำมาใช้ขยายธุรกิจของNon-oil   โดยงบลงทุนดังกล่าวนั้น มาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท รวมถึงการออกหุ้นกู้ที่เหลืออีกทั้งหมด1,300ล้านบาท  จากก่อนหน้านี้ได้ออกหุ้นกู้มาแล้ว 2,700ล้านบาท  โดยวงเงินทั้งหมดที่ขออนุมัติ4,000ล้านบาท


นายสัญชัย เนื่องสิทธิ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร   บริษัท บิวเดอสมาร์ท จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”)  BSM  เปิดเผยว่าตามที่ บริษัทได้จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 4/2560 เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2560 เวลา 19.00 น. มีมติที่สาคัญดังต่อไปนี้
1. อนุมัติรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ เกี่ยวกับการลงทุนในโครงการ The Teak Sukhumvit 39 โดยบริษัทจะเข้าลงทุนในโครงการ The Teak Sukhumvit 39 กรรมสิทธิ์ของบริษัท แอล เค เอช ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น จำนวน 70 ยูนิต สำหรับเป็นที่พักอาศัยในย่านใจกลางสุขุมวิท ในราคา 145.00 ล้านบาท ซึ่งรวมค่าที่ดินและค่าใช้จ่ายเตรียมการเบื้องต้น อาทิ ค่าใช้จ่ายในการขอใบอนุญาตก่อสร้าง ค่าใช้จ่ายในการควบคุมงานก่อสร้าง ค่าใช้จ่ายทางการตลาด เป็นต้น ปัจจุบันมียอดการจองซื้อจำนวน 68 ยูนิต จาก 70 ยูนิต หรือคิดเป็นร้อยละ 97.14 ของจำนวนห้องชุดทั้งหมด
2. อนุมัติการจัดตั้งบริษัทย่อย เพื่อทำโครงการ The Teak Sukhumvit 39 และธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์  โดยจะจัดตั้งภายใน 90 วัน นับจากวันที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่
ชื่อบริษัทย่อยแห่งใหม่  บริษัท ทีค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด  ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์  มีทุนจดทะเบียน  1,000,000 บาท ( หนึ่งล้านบาทถ้วน) แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 10,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 100 บาท
ทั้งนี้บริษัทถือหุ้นร้อยละ 99.99 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด (บริษัทถือหุ้นจำนวน 9,999 หุ้น คุณสัญชัย เนื่องสิทธิ์ ถือ 1 หุ้น และคุณวรุตม์ ภาณุพัฒนพงศ์ ถือ 1 หุ้น)
แหล่งที่มาของเงินทุน  มาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท   ขณะที่ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับเพื่อขยายธุรกิจ เพิ่มช่องทางการรับรู้รายได้และกำไร
3. มีมติเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาอนุมัติในการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 200,000,000 หุ้น ในราคาเสนอขายหุ้นละ 0.65 บาท (มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 0.10 บาท) รวมเป็นเงินระดมทุน 130,000,000 บาท เพื่อเสนอขายต่อบุคคลในวงจำกัด (Private Placement: PP) กรณีได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น คณะกรรมการบริษัทกาหนดวันเสนอขายหุ้น PP ในวันที่ 15 มกราคม 2561 หรือมอบอำนาจให้ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเป็นผู้เปลี่ยนแปลงกำหนดวันเสนอขายหุ้นดังกล่าว แต่ทั้งนี้จะไม่เกิน 3 เดือนนับจากวันที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น โดยมีนักลงทุนที่ได้รับการจัดสรร ประกอบด้วย นายวรุตม์ ภาณุพัฒนพงศ์    , นายวิศวัฒน์ แสงอรุณ   , นายภูริชญ์ กูลโฆษะ   , นายพรรษนนท์ ฉินทองประเสริฐ
อย่างไรก็ตามการเสนอขายหุ้น PP จะต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นเสียก่อน  โดยวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินระดมทุน ไปใช้ในโครงการ The Teak Sukhumvit 39 และดำเนินการเพื่อพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต
4. มีมติเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาอนุมัติการลดทุนจดทะเบียนของบริษัทจำนวน 7,280,428 บาท จากทุนจดทะเบียน 204,736,151 บาท ลงเหลือทุนจดทะเบียน 197,455,723 บาท โดยการยกเลิกหุ้นสามัญที่ยังมิได้นำออกจาหน่าย และไม่ได้ออกมาเพื่อรองรับการแปลงสภาพ และการแก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิของบริษัท ข้อ 4. เพื่อให้สอดคล้องกับการลดทุนจดทะเบียนของบริษัท
5. มีมติเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจำนวน 21,058,591 บาท จากทุนจดทะเบียน 197,455,723 บาท เป็นทุนจดทะเบียน 218,514,314 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 210,585,910 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.10 บาท และการแก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิของบริษัท ข้อ 4. เพื่อให้สอดคล้องกับการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท
6. มีมติเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาอนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน จานวน 210,585,910 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.10 บาท เพื่อเสนอขายต่อบุคคลในวงจากัด (Private Placement) และเพื่อรองรับการปรับสิทธิของ BSM-W2
ทั้งนี้มีมติเรียกนัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2561 ในวันที่ 10 มกราคม 2561 เวลา 10.00 น. ณ ห้อง River 1 อาคาร เอส วี ซิตี้ ถนนพระราม 3 กรุงเทพมหานคร โดยกาหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุม (Record Date) ในวันที่ 12 ธันวาคม 2560
สำหรับวัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุน และการใช้เงินทุนในส่วนที่เพิ่ม  เพื่อพัฒนาโครงการ The Teak Sukhumvit 39 คอนโดมีเนียม Low-Rise ขนาด 8 ชั้น จำนวน 70 ยูนิต งบประมาณการก่อสร้าง 248.15 ล้านบาท โดยใช้เงินในการซื้อที่ดินและเตรียมการไปแล้ว 145.00 ล้านบาท คงเหลือที่ต้องลงทุนอีกประมาณ 103.15 ล้านบาท
ส่วน ประโยชน์ที่บริษัทจะพึงได้รับจากการเพิ่มทุน/จัดสรรหุ้นเพิ่มทุน  เพิ่มศักยภาพในการเติบโตของรายได้และผลประกอบการให้บริษัทและผู้ถือหุ้นในระยะยาว  และเป็นการต่อยอดธุรกิจใหม่ของบริษัท และเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับบริษัท
เพิ่มศักยภาพในการทำกำไร เพื่อผลประกอบการที่ดีขึ้น และกระจายความเสี่ยงสู่ธุรกิจอื่น เอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจของกลุ่ม เนื่องจากโครงการจะใช้ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มบริษัทเป็นหลัก ส่งผลให้ยอดขายของกลุ่มบริษัทเติบโตไปพร้อมๆกัน ทาให้กลุ่มบริษัทมีการเติบโตที่แข็งแกร่งในอนาคต 

BSM  ระบุว่า มีแผนจะเริ่มพัฒนาและก่อสร้างโครงการ The Teak Sukhumvit 39 หลังจากได้รับมติอนุมัติให้ลงทุนในโครงการฯ จากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ซึ่งจะจัดขึ้นวันที่ 13 พฤศจิกายน 2560 โดยบริษัทจะจัดตั้งบริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท ทีค ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (“TDev”) ภายในไตรมาสที่ 1 ปี 2561 ซึ่งจะดำเนินโครงการ The Teak Sukhumvit 39 โดยบริษัทถือหุ้นร้อยละ 99.99  หลังจากที่บริษัทได้จัดตั้งบริษัทย่อย หรือ TDev แล้วเสร็จ จะเริ่มการก่อสร้างโครงการ The Teak Sukhumvit 39 ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 12 เดือน 
ขณะที่จากประมาณการทางการเงินที่ฝ่ายบริหารของบริษัทได้จัดทำสามารถคานวณหาอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนส่วนของผู้ถือหุ้น (Equity IRR) สาหรับโครงการ The Teak Sukhumvit 39 ได้เท่ากับร้อยละ 20.71 ต่อปี และคำนวณหามูลค่าปัจจุบันสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้น (Equity NPV) ณ อัตราคิดลดที่ร้อยละ 15 ต่อปี ได้เท่ากับ 10.10 ล้านบาท


นายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ช ทวี จำกัด  (มหาชน) (CHO) ประกอบธุรกิจเป็นผู้ออกแบบ สร้างสรรค์ ผลิตตัวถังและติดตั้งระบบวิศวกรรมที่เกี่ยวกับยานยนต์เพื่อการพาณิชย์ รวมทั้งเป็นผู้ผสานเทคโนโลยีเกี่ยวกับระบบราง และโลจิสติกส์เข้ากับการจัดการอย่างมืออาชีพ เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2560 ของบริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้รวม 601.66 ล้านบาท  เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 343.85 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 133.21%  และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 14.69 ล้านบาท  เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 47.19 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 145.21% 
“ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2560 เป็นที่น่าพอใจและเป็นไปตามแผนงานที่วางเอาไว้ สามารถกลับมารับงานได้ปกติ แตกต่างจากปีก่อนที่มีการจัดเตรียมพื้นที่โรงงานเพื่อรอรับงานใหญ่ที่เคยชนะการประมูล ทำให้มียอดขายเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นในส่วนของงานในประเทศในกลุ่มสินค้ามาตรฐานประเภทรถบรรทุก รถโดยสาร และยอดขายต่างประเทศในกลุ่มสินค้าออกแบบพิเศษงาน อีกทั้งมีรายได้จากงานบริการเพิ่มมากขึ้นจากงานบริการซ่อมรถบรรทุกมือสองและรายได้จากศูนย์บริการซ่อมรถบรรทุกที่เปิดใหม่ “สิบล้อ 24 ชั่วโมง”  ซึ่งมีสัดส่วนกําไรสูงกว่างานผลิต ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลงในส่วนของค่าที่ปรึกษาทางกฎหมายอีกด้วย” 

เขากล่าวต่อถึงผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรก บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้รวม 1,167.47 ล้านบาท  เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 498.78 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 74.59%  อย่างไรก็ตามกลับมีผลขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 41.28 ล้านบาท  เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนเพียง 0.04 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 0.09% ซึ่งมาจากต้นทุนการพัฒนาผลิตใหม่ และค่าใช้จ่ายในการติดตั้งซอฟท์แวร์ที่ใช้ในการบริหารจัดการระบบข้อมูล (SAP by Design) ซึ่งเริ่มใช้งานไปเมื่อต้นปี 2560   แต่บริษัทฯ มีความเชื่อมั่นว่าเมื่อระบบต่างๆ คงที่แล้วต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ จะลดลงตามไปด้วยเช่นกัน
ขณะที่ ปัจจุบันบริษัทฯ มีปริมาณงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 2,366 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถทยอยรับรู้เป็นรายได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/2560 เป็นต้นไป  ขณะเดียวกันยังอยู่ระหว่างรอลุ้นผลการประมูลงานใหม่ทั้งในและต่างประเทศอยู่จำนวนมาก  ทำให้เราเชื่อมั่นว่าผลการดำเนินงานของบริษัทฯ จะสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต และสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหุ้นในที่สุด
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 5/2560 ได้มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2561  เพื่อพิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จำนวน 134,970,632.75 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 295,735,443.25 บาท เป็น 430,706,076.00 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน  539,882,531 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท ซึ่งมี 2 แบบ ได้แก่ การเพิ่มทุนแบบกำหนดวัตถุประสงค์ในการใช้เงินทุน เพื่อจัดสรรให้กับบุคคลในวงจำกัด (PP) ให้กับ  Macquarie Bank Limited จำนวนไม่เกิน 185,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท  และการเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) โดยจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 354,882,531 หุ้น  มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท คิดเป็นร้อยละ 30 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทฯ เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม (Rights Offering) และจำนวนไม่เกิน 118,294,177 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 10 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทฯ เพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (PP) ในแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) โดยอาจจะขายครั้งเดียวทั้งหมดหรือแบ่งเป็นคราวๆ ก็ได้
บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุนมาใช้สำหรับหมุนเวียนภายในกิจการในครั้งนี้จะช่วยเสริมสภาพคล่องทางการเงินและเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและรองรับการขยายธุรกิจหลักของบริษัทฯ รวมทั้งเสริมสร้างให้บริษัทฯ มีฐานะเงินทุนที่แข็งแกร่งขึ้นเพื่อรองรับงานโครงการอื่นๆ ทั้งที่อยู่ระหว่างการดำเนินงาน และที่คาดว่าจะประมูลได้เพิ่มเติมในอนาคต ซึ่งท้ายที่สุดจะส่งผลดีต่อการเติบโตของบริษัทฯ ในระยะยาว นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนในตลาดเงิน ซึ่งจะส่งผลให้สามารถลดภาระหนี้สินจากการกู้ยืมเงิน และสามารถลดค่าใช้จ่ายทางการเงินของบริษัทฯ ได้
ทั้งนี้ได้กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2561ในวันที่ 9 มกราคม 2561 และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการเข้าร่วมประชุมวิสามัญครั้งนี้ (Record Date) ในวันที่ 6  ธันวาคม 2560


-----จบ---- 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

ไต่เส้น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ มองดูหุ้นไทยไต่เส้น แถว 1370 +/- แบบพยาบามฝ่าด่าน 1380 จุด โดยเช้านี้ พี่ DELTA..

ต่างชาติ ลุยซื้อหุ้นไทย By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม เห็นนักลงทุนต่างชาติ กลับมาซื้อหุ้นไทย วานนี้ จัดไป เกือบ 3,600 ล้านบาท ส่วนในประเทศ พร้อมใจขายอย่าง...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้