Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : EPG ดึงพาร์ทเนอร์ตุรกีร่วมทุน ลุยผลิตอุปกรณ์แต่งรถในไทยต้นปี 65

3,697

HotNews : EPG ดึงพาร์ทเนอร์ตุรกีร่วมทุน ลุยผลิตอุปกรณ์แต่งรถในไทยต้นปี 65

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(29 พฤษภาคม 2563) บอร์ด EPG ไฟเขียวส่ง แอร์โรคลาส ร่วมทุนกับ Farplas Otomotiv A.S. ประเทศตุรกี รุกชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ รองรับความต้องการ เกิดขึ้นของลูกค้าผู้ประกอบยานยนต์ และเพิ่มเทคโนโลยีการผลิตแบบใหม่จากผู้ร่วมลงทุน คาดเปิดผลิตต้นปี65 -ปิดกิจการ TJM Products MEA DMCC สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ให้ แอร์โรคลาส บริหารงานขาย อุปกรณ์ตกแต่งสําหรับรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อและรถบรรทุกในภูมิภาคแทน  ขณะที่ประกาศผลประกอบการปี 62/63 รายได้จากการขาย 10,217 ลบ. กำไรสุทธิ 999ลบ. เพิ่มขึ้น 11%  พร้อมจ่ายปันผลอีก 0.12 บาท/หุ้น

 

 

 

 

นายภวัฒน์ วิทูรปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) EPG เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) ครั้งที่ 3/2563 ซึ่งประชุมเมื่อ วันที่ 28 พฤษภาคม 2563 ได้มีมติ มีมติอนุมัติให้บริษัท TJM Products MEA DMCC สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ย่อย ซึ่งดําเนินธุรกิจจําหน่าย อุปกรณ์ตกแต่งสําหรับรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อและรถบรรทุก เลิกกิจการเนื่องจากประเมินความคุ้มค่าของการลงทุน แล้วเห็นว่าบริษัทสามารถลดค่าใช้จ่ายในการบริหารงานของ TJM ในตะวันออกกลาง โดยให้บริษัท แอร์โรคลาส จํากัด บริหารงานขายผลิตภัณฑ์ในภูมิภาคนั้นแทน

 

 

นอกจากนี้ยังมีมติอนุมัติให้บริษัท แอร์โรคลาส จํากัด (Aeroklas) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เข้าร่วมทุนกับ Farplas Otomotiv A.S. ประเทศตุรกี เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในประเทศไทย เพื่อประกอบกิจการผลิตและจําหน่ายสินค้าประเภทชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ โดยบริษัท แอร์โรคลาส จํากัด ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 51 ของทุนจดทะเบียนบริษัทใหม่ ส่วน Farplas Otomotiv A.S. ประเทศตุรกี ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 49 ของทุนจดทะเบียนบริษัทใหม่ คาดว่าจะเริ่มดําเนินการจัดตั้งบริษัทภายในเดือนมิถุนายน 2563 และ ดําเนินการเปิดดําเนินการผลิตในต้นปี 2565

 

 

สำหรับผลประโยชน์ที่คาดว่าจะ เพิ่มประเภทผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์เพื่อรองรับความต้องการ เกิดขึ้นของลูกค้าผู้ประกอบยานยนต์ และเพิ่มเทคโนโลยีการผลิตแบบใหม่จากผู้ร่วมลงทุนด้านแหล่งที่มาของเงินทุน มาจาก กระแสเงินสดของบริษัท แอร์โรคลาส จํากัด และการกู้ยืมเงิน

 

 

 

 

 

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ บริษัทฯมีมติให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาและอนุมัติการจัดสรรเงินกําไรส่วนหนึ่งจํานวน 21,271,000 บาท ไว้เป็นทุนสํารองตามกฎหมาย และการจ่ายเงินปันผลสําหรับผลการดําเนินงาน สําหรับปีบัญชีสิ้นสุด วันที่ 31 มีนาคม 2563 เพิ่มเติมจากเงินปั้นผลระหว่างกาล ในอัตราหุ้นละ 0.12 บาท (สิบสองสตางค์) สําหรับหุ้น จํานวน 2,800 ล้านหุ้น รวมเป็นจํานวนเงินทั้งสิ้น 336 ล้านบาท (สามร้อยสามสิบหกล้านบาทถ้วน) โดยจ่ายจากกําไรสุทธิ สําหรับปีของงบการเงินเฉพาะกิจการ กําหนดจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทที่มีรายชื่อปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 7 สิงหาคม 2563 ซึ่งเป็นวันที่คณะกรรมการกําหนดให้เป็นวันกําหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่จะมีสิทธิได้รับเงินปั้นผล (Record Date) และกําหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 21 สิงหาคม 2553

 

 

กําหนดให้วันที่ 15 มิถุนายน 2563 เป็นวันกําหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่จะมีสิทธิเข้าร่วมประชุม สามัญผู้ถือหุ้นประจําปี 2563 (Record Date),กําหนดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจําปี 2563 ในวันที่ 23 กรกฎาคม 2553 เวลา 9:00 น. ณ โรงแรม ดิ แอมบาสซาเดอร์ ถนนสุขุมวิท ซอย 11 กรุงเทพมหานคร

 

 

 

 

 


ด้านรศ.ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์และพลาสติกแปรรูปชั้นนำของโลก เปิดเผยถึงผลประกอบการปี 62/63 (1 เม.ย.62 – 31 มี.ค.63) บริษัทมีรายได้จากการขายทั้งสิ้น 10,217 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 3.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 10,579 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 999 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิที่ 903 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนรายได้ แบ่งเป็น AEROKLAS 46% AEROFLEX 30% และ EPP 24% สำหรับผลประกอบการปี 62/63 เป็นผลมาจาก 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ดังนี้

 

 


ธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex มีรายได้จากการขายรวม 3,012 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้จากการขายเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา และประเทศญี่ปุ่นซึ่งเลือกใช้สินค้าระดับพรีเมี่ยม อีกทั้ง ฉนวนกันความร้อน/เย็น Aeroflex เป็นสินค้าจำเป็น (Essential Product) ที่นำไปใช้ในระบบปรับอากาศ อุตสาหกรรมอาหารแช่แข็ง อุตสาหกรรมยา และคลีนรูม เป็นต้น

 

 


ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ภายใต้แบรนด์ Aeroklas มีรายได้จากการขายรวม 4,726 ล้านบาท หรือลดลง 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการปรับตัวลดลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก และในช่วงปลายเดือนมีนาคม 63 เริ่มได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) อีกทั้งธุรกิจในออสเตรเลียเติบโตช้ากว่าที่คาดไว้

 

 


ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก ภายใต้แบรนด์ EPP มีรายได้จากการขายรวม 2,480 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทได้ทำการขยายตลาดในกลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติก ประเภทกล่องใส่อาหาร ถ้วยน้ำดื่ม และสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น แม้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายจะเริ่มได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) ซึ่งส่งผลให้การอุปโภคบริโภคของประชาชนลดลง แต่ยังคงได้รับประโยชน์จากบรรจุภัณฑ์พลาสติกใส่อาหารทดแทน เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคด้วยการสั่งอาหารเดลิเวอร์รี่ หรือซื้ออาหารกลับไปรับประทานที่บ้าน

 

 

 

 


บริษัทมีต้นทุนขายสินค้าลดลง 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับผลประโยชน์จากราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลง และมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งบริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการควบคุมการบริหารค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอย่างต่อเนื่อง

 

 


นอกจากนี้ ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมลดลง เนื่องจากผลกระทบจากการชะลอตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ และผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19)

 

 


รศ.ดร.เฉลียว กล่าวต่อว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติให้เสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 63 เพื่อขออนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปีให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัท ในอัตราหุ้นละ 0.12 บาท (สิบสองสตางค์) รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 336 ล้านบาท ซึ่งกำหนดให้มีการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นปี 63 ในวันที่ 23 ก.ค. 63 และหากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นฯ มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผล จะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่จะมีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date)ในวันที่ 7 ส.ค. 63 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นภายในวันที่ 21 ส.ค. 63

 

 


"ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.62 บริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท แล้วหากรวมกับการปันผลในครั้งนี้อีก 0.12 บาทต่อหุ้น จะทำให้บริษัทมีการจ่ายเงินปันผลรวม 0.22 บาทต่อหุ้น"รศ.ดร.เฉลียว กล่าว

 

 

 

 

 

 

เคทีบีฯ แนะถือ EPG ราคาเป้าหมาย 5.50 บาท/หุ้น

 


บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า ยังคงแนะนำ "ถือ" EPG และราคาเป้าหมาย 5.50 บาท บาท อิง FY21E PER ที่ 15 เท่า (-1.5SD below 4-yr average PER) EPG รายงานกำไรสุทธิ 4QFY20 (Jan-Mar 2020) ที่ 243 ล้านบาท (+119% YoY, +15% QoQ) ดีกว่าที่ตลาดและเราคาด 15% แต่หากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน จะมีกำไรปกติที่ 194 ล้านบาท (+55% YoY, -8% QoQ) ต่ำกว่าที่เราและตลาดคาดราว 8%

 

 

โดยกำไรที่เติบโต YoY เป็นผลจาก Aeroflex ที่เติบโตโดดเด่น ส่วนกำไรที่ลดลง QoQ เป็นผลจาก EPP ที่ชะลอตัวมากกว่าคาด รวมกำไรสุทธิรวมทั้งปี FY20 อยู่ที่ 1 พันล้านบาท +11% YoY สำหรับปี FY21E เรายังคงกำไรสุทธิ 1 พันล้านบาท ทรงตัวจากปีก่อน โดยคาดว่าจะได้ผลบวกจาก Aeroflex ที่ยังคงเติบโตโดดเด่น แต่ Aeroklas จะปรับตัวลดลงมากตามอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกที่มีทิศทางชะลอตัว ขณะที่ EPP จะยังคงทรงตัว ตามแนวโน้มการบริโภคในประเทศที่ลดลง แต่ยังได้ผลบวกจากต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวลดลงมาชดเชย

 

 


ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นและ outperform SET +29% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง ส่งผลบวกต่อต้นทุนวัตถุดิบเม็ดพลาสติกที่จะลดลง อย่างไรก็ตาม เรายังคงแนะนำ "ถือ" จากแนวโน้มกำไรปี FY21E ที่จะยังทรงตัว ขณะที่กำไร 1QFY21E จะปรับตัวลดลงจาก Aeroklas ที่จะชะลอตัวลงมากตามอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกที่ชะลอตัว และคาดว่าจะกลับมาดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปี

 

 


กำไรปกติ 4QFY20 ต่ำกว่าคาด EPG รายงานกำไรสุทธิ 4QFY20 (Jan-Mar 2020) ที่ 243 ล้านบาท (+119% YoY, +15% QoQ) ดีกว่าที่ตลาดและเราคาด 15% แต่หากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 52 ล้านบาท จะมีกำไรปกติที่ 194 ล้านบาท (+55% YoY, -8% QoQ) ต่ำกว่าที่เราและตลาดคาดราว 8% โดยกำไรปกติที่เติบโต YoY เป็นผลจากธุรกิจ Aeroflex (ฉนวนกันความร้อน/เย็น) ที่เติบโตโดดเด่น จากตลาดสหรัฐที่เติบโตมาก เพราะคู่แข่งมีปัญหา supply chain ทำให้หันมาสั่งสินค้าจาก Aeroflex มากขึ้น ส่วนกำไรปกติที่ปรับตัวลดลง QoQ เป็นผลจากธุรกิจ EPP (บรรจุภัณฑ์) ที่ปรับตัวลดลงมากสุด จากการบริโภคในประเทศปรับตัวลดลง และธุรกิจ Aeroklas (ชิ้นส่วนรถยนต์) ที่ทรงตัว โดยยังมีปัจจัยลบจากชะลอตัวลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก และช่วงปลายเดือน มี.ค.เริ่มได้รับผลกระทบจาก COVID-19 สำหรับกำไรสุทธิรวมทั้งปี FY20 อยู่ที่ 1 พันล้านบาท +11% YoY

 

 


คงกำไรปี FY21E ทรงตัว โดยงวด 1QFY21E มีแนวโน้มปรับตัวลงจากธุรกิจชิ้นส่วนรถยนต์ที่ชะลอตัว เรายังคงกำไรสุทธิปี FY21E ที่ 1 พันล้านบาท ทรงตัวจากปีก่อน โดยคาดว่าจะได้ผลบวกจากธุรกิจ Aeroflex ที่ยังคงเติบโต จากตลาดสหรัฐและญี่ปุ่นที่ดีขึ้น ขณะที่ธุรกิจ Aeroklas จะได้รับผลกระทบจากอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกที่ชะลอตัว ขณะที่ EPP แนวโน้มยังคงทรงตัวจากการบริโภคในประเทศที่ชะลอตัว ความต้องการ drink packaging ลดลง แต่ยังได้ชดเชยจากสินค้า food packaging เพิ่มสูงขึ้น และต้นทุนวัตถุดิบที่ถูกลง ทั้งนี้ เราประเมินแนวโน้มกำไรสุทธิ 1QFY21F จะปรับตัวลดลงทั้ง YoY และ QOQ จากผลกระทบ COVID-19 ส่งผลให้ Aeroklas ที่จะปรับตัวลดลงมากตามอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกที่ชะลอตัวอย่างหนัก

 

 


ประเมินราคาเป้าหมายที่ 5.50 บาท บาท อิง FY21E PER ที่ 15 เท่า (-1.5SD below 4-yr average PER) โดยมี key catalyst จากราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบเม็ดพลาสติกลดลง และประกาศจ่ายเงินปันผล 0.12 บาท (คิดเป็น div. yield 2.3%) จะขึ้น XD วันที่ 6 ส.ค. ขณะที่มี key risk จากอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกที่ชะลอตัว

 

 

 

 

 

 


หยวนต้า แนะ "TRADING" EPG เคาะเป้า 5.80 บาท/หุ้น

บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า EPG รายงานกำไรสุทธิช่วง 4Q62 (สิ้นงวดวันที่ 31 มี.ค.) จำนวน 238 ลบ. โต 117.2%YoY แต่หากไม่รวมกำไรจาก FX ที่บันทึกในไตรมาสนี้ 52 ลบ. ยังมีกำไรปกติ 187 ลบ. โต 69.6%YoY โดยหลักมาจากฐานกำไรในปีก่อนที่ต่ำผิดปกติเพราะมีบันทึกการตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงานราว 50 ลบ. ทำให้ในไตรมาสนี้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานปรับลงราว 12.7%YoY บวกกับแรงหนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นมากจากเพียง 25.8% ในช่วง 4Q62 เป็น 28.4% หลังทยอยปรับเพิ่มราคาขายของฉนวนยางให้สูงขึ้นทันกับต้นทุนวัตถุดิบที่แพงขึ้น อย่างไรก็ดีผลบวกดังกล่าวบางส่วนถูกชะลอลงจาก 1) รายได้จากการขายหดตัว 7%YoY หลังธุรกิจอะไหล่ยานยนต์ของ ARK เริ่มได้รับผลจากภาวะ ศก. ที่อ่อนแอลงต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2562

 

 

และเริ่มเห็นผลกระทบทาง ศก. จากการแพร่ระบาดของ COVID-19 กดดันยอดขายยานยนต์ทั้งในประเทศและในออสเตรเลีย (TJM+Flexigrass) รวมถึงทำให้ยอดขายบรรจุภัณฑ์ของ EPP อ่อนแอลง ตามการใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่ลดลง และ 2) รายได้อื่นๆ ลดลง 43.6%YoY หลังส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมซึ่งส่วนใหญ่มาจากธุรกิจเกี่ยวข้องกับอะไหล่ยานยนต์ปรับตัวลงใกล้เคียงกับ ARK ทำให้ทั้งปี 2562 EPG มีกำไรปกติ 1,000 ลบ. โต 10.1%YoY ใกล้เคียงคาด

 

 

ปรับลดประมาณการสะท้อนแนวโน้มธุรกิจ ARK และ EPP ที่แย่ลง ค่อนข้างกังวลต่อผลดำเนินงานในปี 2563 โดยเฉพาะในช่วง 1Q63 (สิ้นงวดวันที่ 30 มิ.ย.) ที่จะเห็นผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 เต็มไตรมาส ส่งผลให้ 1) ยอดขายอะไหล่ยานยนต์ของ ARK คาดปรับตัวลงแรง สอดคล้องกับยอดขายยานยนต์ในประเทศที่หดตัวสูงสุดในรอบกว่า 30 ปี (เดือน เม.ย. ยอดขายยานยนต์หดตัว 65%YoY) อีกทั้งช่วง 2H63 คาดฟื้นตัวได้เพียงเล็กน้อยเนื่องจากกำลังซื้อในประเทศยังอ่อนแอ และ 2) ยอดขายบรรจุภัณฑ์พลาสติกของ EPP ได้รับแรงกดดันจากการปิดเมืองปิดห้างในเดือน เม.ย.-พ.ค. ทำให้ยอดขายสินค้าของลูกค้ากลุ่ม Branded Wholesale และ Retail ปรับตัวลงมาก และ 3) อัตรากำไรขั้นต้นคาดอ่อนตัวลง จากผลของการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scales) ที่แย่ลงในช่วงที่ยอดขายหดตัว ดังนั้นเพื่อยึดหลักอนุรักษ์นิยม เราจึงปรับลดประมาณการกำไรปกติของ EPG ในปี 2563 ลง 21.7% โดยภายใต้ประมาณการใหม่คาด EPG จะมีกำไรปกติราว 876 ลบ. หดตัว 12.4%YoY โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากเพียงยอดขายฉนวนยางของ AFC ที่เติบโตได้ดีเนื่องจากภาคการก่อสร้างในต่างประเทศมีการหยุดชะงักเพียงเล็กน้อยและคู่แข่งมีปัญหาในการจัดหาวัตถุดิบเพื่อใช้ในการผลิต

 

 

ลดคำแนะนำเป็น "Trading" จนกว่าจะเห็นการฟื้นตัวของผลดำเนินงาน คาดราคาหุ้น EPG จะถูกกดดันด้วยทิศทางผลดำเนินงานที่ไม่สดใสไปอีกระยะหนึ่ง ทำให้แม้ปัจจุบันราคาหุ้นยังมี Upside 11.5% จากมูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 2563 ที่ 5.80 บาท (ปรับไปใช้ PER ที่ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี - 1 S.D. ที่ 18.4x) แต่เราปรับลดคำแนะนำลงจาก "ซื้อ" เป็น "Trading" จนกว่าจะเห็นการฟื้นตัวของรายได้ธุรกิจอะไหล่ยานยนต์ของ ARK และยอดขายบรรจุภัณฑ์ของ EPP รวมถึงแผนธุรกิจที่ชัดเจนขึ้นของธุรกิจหน้ากากอนามัยในปีนี้ (ปัจจุบันอยู่ระหว่างทดสอบตลาด)



 

EPG

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้