News Feed

HotNews: PTTEP งบQ3/60แบกขาดทุน8.68พันลบ. หลังตัดขาดทุนโครงการ Marina Oil Sand

2 พ.ย. 2560 16:51:03 904

HotNews: PTTEP งบQ3/60แบกขาดทุน8.68พันลบ.

หลังตัดขาดทุนโครงการ Marina Oil Sand

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(2พฤศจิกายน 2560)------ PTTEP แจงQ3/60 พลิกเป็นขาดทุน8.68พันลบ. เหตุรับรู้ขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ในโครงการมาเรียนา ออยล์ แซนด์ ลุ้นปริมาณขาย Q4/60 สูงขึ้น

นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. PTTEP เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดเก้าเดือนปี 2560 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 3,252 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา (ดอลลาร์ สรอ.) (เทียบเท่า 111,430 ล้านบาท) ลดลง 29 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือร้อยละ 1 เมื่อเทียบกับงวดเก้าเดือนปี 2559 ซึ่งมีรายได้รวม 3,281 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 115,705 ล้านบาท) มีค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น 2,839 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 96,631 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 89 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายรวม 2,750 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 96,949 ล้านบาท)

บริษัทฯ มีกำไรจากการดำเนินงานปกติสำหรับงวดเก้าเดือนปี 2560 จำนวน 596 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่าประมาณ 20,431 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 251 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือร้อยละ 73 เมื่อเทียบกับงวดเก้าเดือนปี 2559 ที่ 345 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่าประมาณ 12,219 ล้านบาท) ในขณะที่มีขาดทุนจากรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติจำนวน 291 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่าประมาณ 9,293 ล้านบาท) ส่วนใหญ่เป็นผลของการรับรู้ขาดทุน

จากการด้อยค่าของสินทรัพย์ในโครงการมาเรียนา ออยล์ แซนด์ ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานบัญชี โดยรายการขาดทุนดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อเงินสดในมือและกระแสเงินสดของบริษัทฯ แต่อย่างใด ทั้งนี้ ส่งผลให้บริษัทฯ มีกาไรสุทธิ 305 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 11,138 ล้านบาท) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.06 ดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 2.26 บาท) ลดลง 83 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือร้อยละ 21 เมื่อเทียบกับงวดเก้าเดือนปี 2559 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 388 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 13,732 ล้านบาท) หรือคิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.09 ดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 3.13 บาท

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 ปี 2560 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 1,134 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 37,853 ล้านบาท) มีค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น 1,343 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 44,723 ล้านบาท) มีกำไรจากการดำเนินงานปกติ จำนวน 218 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่าประมาณ 7,278 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 143 ล้านดอลลาร์ สรอ. หรือมากกว่าร้อยละ 100 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 ปี 2559 ที่ 75 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่าประมาณ 2,603 ล้านบาท) ในขณะที่มีขาดทุนจากรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติจำนวน 482 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่าประมาณ 15,960 ล้านบาท) ซึ่งโดยหลักเป็นผลของการรับรู้ขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ในโครงการมาเรียนา ออยล์ แซนด์ ส่งผลให้บริษัทฯ มีขาดทุนสุทธิ 264 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 8,682 ล้านบาท) หรือคิดเป็นขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 0.07 ดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 2.42 บาท) ลดลงจากไตรมาสที่ 3 ปี 2559

ซึ่งมีกำไรสุทธิ 156 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 5,446 ล้านบาท) หรือคิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.04 ดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 1.33 บาท)

สำหรับฐานะการเงินของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ณ วันที่ 30 กันยายน 2560 มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 18,616 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 621,204 ล้านบาท) มีหนี้สินรวม 7,387 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 246,499 ล้านบาท) และมีส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 11,229 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 374,705 ล้านบาท) และมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด รวมทั้งเงินลงทุนระยะสั้นจำนวน 4,055 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 135,315 ล้านบาท)

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 60 บริษัทจะพยายามรักษาระดับการผลิตของโครงการในประเทศไทย โดยคาดว่าปริมาณการขายเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ประมาณ 300,000 บาร์เรล/วัน โดยคาดว่าปริมาณการขายในไตรมาส 4/60 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/60 อันเป็นผลมาจากแนวโน้มที่ดีขึ้นของการขายก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยและแนวทางการเพิ่มการผลิตคอนเดนเสทจากโครงการในอ่าวไทยและน้ำมันดิบในโครงการเอส 1

ส่วนราคาน้ำมันดิบของบริษัทจะผันแปรตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ซึ่งบริษัทตั้งสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยทั้งปีนี้ที่ 52 ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล โดยแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในไตรมาสสุดท้ายของปีจะอยู่ในระดับประมาณ 55 ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับราคาน้ามันดิบในช่วงปลายไตรมาส 3

ด้านราคาก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทนั้น มีโครงสร้างราคาส่วนหนึ่งผูกกับราคาน้ำมันย้อนหลังประมาณ 6-12 เดือน บริษัทคาดว่าราคาก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยของปี 60 จะอยู่ที่ประมาณ 5.6 ดอลลาร์ สรอ./ล้านบีทียู เป็นผลจากการปรับตัวของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก บนสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยทั้งปีที่ 52 ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล

ด้านต้นทุนบริษัทคาดว่าจะสามารถรักษาต้นทุนต่อหน่วยในระดับต่ำได้ที่ประมาณ 29 ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล สำหรับปี 2560 ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์เดิม และคาดว่าอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี,ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) จะอยู่ที่ประมาณ 70% ของรายได้จากการขาย

ณ สิ้นไตรมาส 3/60 บริษัทมีโครงการและดำเนินกิจกรรมทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศรวมทั้งสิ้นจำนวน 36 โครงการใน 10 ประเทศ โดยโครงการแอลจีเรีย ฮาสสิ เบอร์ ราเคซ ซึ่งตั้งอยู่บนบกทางทิศตะวันออกของแอลจีเรีย คาดว่าจะตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (FID) ภายในปี 60 ,แหล่ง Cash Maple ในออสเตรเลีย ที่อยู่ระยะเวลาสำรวจ (Exploration Phase) นั้น ปัจจุบันโครงการยังคงอยู่ระหว่างการศึกษาวิศวกรรมเบื้องต้น (Pre-FEED Study) คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 60 เพื่อหาแนวทางการพัฒนาโครงการต่อไป

โครงการโมซัมบิก โรวูมา ออฟชอร์ แอเรีย วัน ซึ่งเป็นโครงการก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ ตั้งอยู่นอกชายฝั่งของโมซัมบิก ในไตรมาสนี้โครงการได้มีการลงนามสัมปทานการบริหารจัดการทางทะเลและท่าเรือ (Marine Concessions) กับรัฐบาลโมซัมบิกเมื่อวันที่ 10 ส.ค.60 ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมการเคลื่อนย้ายชุมชนออกจากพื้นที่ก่อสร้างโครงการ (Resettlement) โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในไตรมาส 4 นี้

นอกจากนี้ โครงการมีความคืบหน้าเป็นอย่างมากในการเจรจาสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ระยะยาวกับผู้ซื้อ และการเจรจาสัญญาเงินกู้ในรูปแบบ Project Finance กับสถาบันการเงิน เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ FID ต่อไป

---จบ--

https://www.hooninside.com/cache/author/1548402004_200x200_4.jpeg