Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : ALL ปี 63 เดินหน้าธุรกิจเต็มสูบ ดัน Recurring Income เสริมเขี้ยวเล็บ

1,778

HotNews : ALL ปี 63 เดินหน้าธุรกิจเต็มสูบดัน Recurring Income เสริมเขี้ยวเล็บ

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(13 พฤศจิกายน 2562) "ธนากร ธนวริทธิ์" แม่ทัพ ALL ลั่นปี 63 เดินหน้าธุรกิจเต็มสูบ จ่อร่วมทุนโครงการออฟฟิศ-โรงแรม แถบปริมณทล ดันรายได้ประจำเป็น10% ภายในปี65 ขณะที่วางงบลงทุนปีหน้าราว 3 พันลบ. รองรับซื้อที่ดินเตรียมพร้อมรุกแนวราบให้ครบทุกมิติแบบครบวงจร ส่วนผลงานปี 62 มั่นใจยอดขายทะลุเป้า 7 พันลบ. หลัง 9 เดือนทำได้แล้ว 6.5 พันลบ. ส่วนรายได้เข้าเป้า 4.5 พันลบ. รับอานิสงค์มาตรการกระตุ้นอสังหาฯ

 

 

นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ALL เปิดเผยว่า ในปี 2563 บริษัทฯเตรียมสรุปแผนการร่วมทุนในโครงการก่อสร้างออฟฟิศ และโรงแรม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาร่วมกับพันธมิตรโดยเบื้องต้นบริษัทฯมองการร่วมทุนกับ Kyushu Railway Company หรือ “เจอาร์ คิวชู” พร้อมด้วยพันธมิตรทางการค้าอีกหนึ่งราย ซึ่งการลงทุนดังกล่าวจะเข้ามาเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำให้แก่บริษัทฯนอกเหนือจากโครงการ เดอะ นิว ฟอรั่ม พลาซ่า ที่จะเปิดให้บริการในปีหน้า โดยบริษัทฯตั้งเป้ามีสัดส่วนรายได้ประจำเพิ่มเป็น 10% ภายในปี 2565 จากปัจจุบันยังไม่มี

 

 

 

 

 

ทั้งนี้ในปี 2563 บริษัทฯวางงบลงทุนสำหรับรองรับการซื้อที่ดินไว้จำนวน 3,000 ล้านบาท โดยบริษัทฯจะใช้กลยุทธ์ในการบุกตลาดแนวราบเพิ่มเป็น 10-20% ของพอร์ตภายในปี 2564 ไม่ว่าจะเป็น บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮาส์ หลังมองว่าดีมานด์ความต้องการที่อยู่อาศัยแนวราบมีปริมาณที่เพิ่มมากขึ้น และในปีหน้าบริษัทฯมีแผนเปิดขายคอนโดมิเนียมโลวไรส์ จำนวน 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 3,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (EIA)ด้วยเช่นกัน

 

 

สำหรับ ปัจจุบันบริษัทฯมียอดขายรอโอน(Backlog) 11,400 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3,137 ยูนิต แบ่งเป็น โครงการคอนโดฯโลวไรส์ 7,700 ล้านบาท โครงการ คอนโดฯ ไฮไรส์ 3,400 ล้านบาท และทาวน์โฮม 300 ล้านบาท ซึ่งมูลค่าBacklogดังกล่าวจะรับรู้ภายในไตรมาส 4/2562 ประมาณ เกือบ 4,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น30% ของยอดBacklog และจะรับรู้ในปี 2563 อีกประมาณ 70% ของยอดที่เหลืออีก 7,000 ล้านบาท

 

 

 

 

 

ดังนั้น บริษัทฯจึงเชื่อว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส4/2562 จะเติบโตได้ดีที่สุดเมื่อเทียบกับทุกไตรมาส และมั่นใจว่ายอดขายในปีนี้จะสามารถเติบโตได้กว่าเป้าที่วางไว้ 7,000 ล้านบาท หลังจากที่ 9 เดือนแรกบริษัทฯสามารถทำได้แล้ว 6,500 ล้านบาท รวมถึงมีรายได้ จำนวน 4,500 ล้านบาท ซึ่งเติบโตจากปีก่อนที่ทำได้ 2,342.97 ล้านบาท หลังได้รับอานิสงค์จากมาตรการของรัฐบาล ที่ประกาศมาตรการลดภาระให้กับผู้ซื้อที่อยู่อาศัย (มาตรการลดภาระฯ) เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง เหมาะสมกับศักยภาพของประชาชนแต่ละกลุ่ม

 

 

อีกทั้ง ล่าสุดคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ยังได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตของยอดขายของบริษัทฯเนื่องจากโครงการของบริษัทฯมีราคาอยู่ที่ไม่เกิน 3 ล้านบาท ขณะที่ ตลาดในต่างประเทศบริษัทฯยังคงเดินหน้าสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และถึงแม้ว่าตลาดในประเทศจีนของบริษัทฯจะซบเซาแต่ตลาดฮ่องกงยังคงแอคทีฟอยู่

 

 

"เศษรฐกิจโลกเราควบคุมไม่ได้ แต่ปัจจัยภายในเราเห็นหมดแล้ว มีแค่ภายนอกเท่านั้นที่ควบคุมไม่ได้ ซึ่งปีหน้าเราก็มองว่าภาพรวมใหญ่อสังหาฯยังคงทรงตัว จากปีนี้อาจจะติดลบ 5-10% เพราะเรามองว่ามันได้ลงมาสุดแล้ว และเราก็จะโฟกัสทำอะไรที่สอดคล้องกับมาตรการจากทางภาครัฐ และเน้นขยายแนวราบเพิ่มขึ้น โฟกัสเรียลดีมานต์เป็นหลัก" นายธนากร กล่าว

 

 

 

 

 

 

**ALL โชว์งบ Q3 อัตรากำไรสุทธิพุ่งแตะนิวไฮ 20%**

 

นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ALL เปิดเผยว่า จากความเข้าใจและความพร้อมในการปรับแผนธุรกิจให้สอดคล้องกับทุกสภาวการณ์และภาวะเศรษฐกิจมาโดยตลอด ด้วยกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ ที่มุ่งเน้นการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในแนวรถไฟฟ้า ประกอบกับการเจาะเข้าถึงกลุ่มผู้ซื้อที่อยู่อาศัยจริง (Real Demand) ในระดับราคาขายที่เหมาะสม ทำให้ทุกๆ โครงการมีกระแสตอบรับที่ดี ส่งผลภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมา (มกราคม – กันยายน 2562) ประสบความสำเร็จอย่างมาก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงผลการดำเนินงาน ทั้งรายได้ - กำไรสุทธิ และยอดขาย (Presales) นอกจากนี้ จากผลการดำเนินงานที่โดดเด่น บริษัทฯ ยังประสบความสำเร็จด้านการพัฒนาโครงการให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน ซึ่งเห็นได้จากยอดขายสะสมที่เกิดขึ้น

 

 


สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/2562 (กรกฎาคม – กันยายน 2562) บริษัทฯ มีรายได้รวม ที่ 647 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 466 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 129 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 172% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิประมาณ 20% โดยมีปัจจัยหลักมากจากการส่งมอบโครงการอย่างต่อเนื่อง โดยสาเหตุหลักมาจากรายได้จากการโอนอสังหาริมทรัพย์ 2,031 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45% เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้จากการโอนอสังหาริมทรัพย์งวดเดียวกันของปีก่อนที่ 1,399 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นมาจากยอดโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดที่มีกำหนดการแล้วเสร็จ และเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2562 ของ 3 โครงการ ได้แก่ โครงการ ดิ เอ็กเซล คูคต มูลค่าโครงการ 720 ล้านบาท โครงการ ไรส์ พระราม 9 มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท และ โครงการ เดอะ วิชั่น ลาดพร้าว – นวมินทร์ มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท

 

 

“ณ สิ้นไตรมาส 3/2562 บริษัทฯ มียอดขายรอโอน (Backlog) รวมมูลค่ากว่า 11,400 ล้านบาท ทั้งนี้ Backlog ทั้งหมด แบ่งเป็น จากโครงการทาวน์โฮม จำนวน 300 ล้านบาท Backlog จากโครงการประเภท High Rise จำนวน 3,400 ล้านบาท และ Backlog จากโครงการประเภท Low Rise จำนวน 7,700 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 2 - 3 ปีข้างหน้า (2562 - 2565) ทำให้บริษัทฯ มั่นใจผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีจากนี้ (2563 - 2565) จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการทยอยรับรู้ Backlog ดังกล่าว” นายธนากร กล่าว

 

 

 

 

 


ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2562 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 เติบโตขึ้นอย่างโดดเด่น โดยบริษัทฯ มีรายได้รวมที่ 2,339 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,602 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 342 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 213 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิประมาณ 15% สำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 2562 โดยสาเหตุหลักมาจากรายได้จากการโอนอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 2,031 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการโอนอสังหาริมทรัพย์ที่ 1,399 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นมาจากยอดโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดที่มีกำหนดการแล้วเสร็จและเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2562 ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นในช่วง 9 เดือนแรกอยู่ที่ 36% และมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 15%

 

 


“ยอดขายในช่วง 9 เดือนแรก ปี 2562 อยู่ที่ 6,500 ล้านบาท ซึ่งยอดขายดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 90% ของเป้าหมายยอดขายทั้งปี 2562 ที่ 7,000 ล้านบาท โดยโครงการที่ส่งผลให้ภาพรวมยอดขายเป็นไปตามเป้าในช่วงที่ผ่านมา ประกอบด้วยโครงการที่อยู่ระหว่างการขายและโครงการที่มีการเปิดขายในปี 2562 ได้แก่ 1. โครงการ ดิ เอ็กเซล ลาดพร้าว – สุทธิสาร 2. โครงการ เดอะ วิชั่น ลาดพร้าว – นวมินทร์ และ 3. โครงการ อิมเพรสชั่น เอกมัย ซึ่งทุกๆ โครงการได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง”

 

 

 

นายธนากร กล่าวอีกว่า ในช่วงไตรมาส 4/2562 จะเป็นไตรมาสที่ดีสุดของปี เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ประกอบกับรัฐบาลได้ออกมาตรการปรับลดค่าใช้จ่ายในการโอนจาก 2% เหลือ 0.01% ของราคาประเมิน และค่าจดจำนองจาก 1% เหลือ 0.01% สำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัยที่มีราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท และล่าสุดที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปี จากร้อยละ 1.50 เป็นร้อยละ 1.25 ต่อปี โดยให้มีผลทันที ส่งผลให้ธุรกิจในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์จะได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ยดังกล่าว ในด้านอัตราการผ่อนชำระต่องวดของผู้กู้ที่อยู่อาศัยที่ลดลง และจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อของผู้บริโภคให้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยบวกที่หนุนให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาส 4/2562 กลับมาคึกคัก

 

 

 

 

 


ทั้งนี้ จากแผนการดำเนินงานและกลยุทธ์ที่บริษัทฯ ตั้งเป้าไว้ เป็นเครื่องตอกย้ำให้บริษัทฯ มั่นใจถึงอัตราการเติบโตของผลการดำเนินงานในปี 2562 ว่า รายได้รวมในปีนี้ มีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากปีที่ผ่านมา ขณะที่ยอดขายคาดว่าจะเพิ่มขึ้นกว่าที่ระดับ 7,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า บริษัทฯ มีแผนในการปรับกลยุทธ์ธุรกิจในเชิงลึกมากขึ้น เพื่อตอกย้ำสู่การเป็นบริษัทผู้นำพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศ ตามเป้าวิสัยทัศน์ที่วางไว้

 

 

โดยการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้ครบทุกมิติ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค โดยเริ่มจากการแตกไลน์ เข้าไปลงทุนในสิทธิการเช่าช่วงอาคารศูนย์การค้า เดอะ นิว ฟอรั่ม พลาซ่า (The New Forum Plaza ) จังหวัดชลบุรี ซึ่งโครงการดังกล่าวคาดว่าจะแล้วเสร็จ และจะเปิดให้บริการในเชิงพาณิชย์ ในช่วงครึ่งปีหลัง 2563 จะส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้จากค่าเช่า (Recurring Income) เฉลี่ย 200 ล้านบาทต่อปี ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป ตลอดอายุสัญญาเช่า 29 ปี

 

 

 


นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนบุกตลาดอสังหาริมทรัพย์แนวราบมากขึ้น อาทิ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม ซึ่งปัจจุบันมีโครงการแนวราบ 1 โครงการ คือโครงการ เดอะ วิชั่น ลาดพร้าว - นวมินทร์ ซึ่งเป็นโครงการทาวน์โฮม โดยบริษัทฯ มองว่าดีมานด์ความต้องการที่อยู่อาศัยแนวราบ มีปริมาณที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจากความต้องการดังกล่าว ทำให้บริษัทฯ มีแนวคิดที่จะปรับกลยุทธ์ โดยการเพิ่มรูปแบบประเภทที่อยู่อาศัย เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคให้หลากหลาย และครบทุกมิติของที่อยู่อาศัย ในขณะที่โครงการคอนโดมิเนียม ทั้งประเภท Low Rise และ High Rise บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในแนวรถไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้