
HotNews: FTE คาดงบQ3/60 โตฉลุย
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 24 ตุลาคม 2560 ) --------FTE คาดผลงานQ3/60 ดีกว่าQ2/60 หลังส่งมอบงานได้ต่อเนื่อง ปรับเพิ่มเป้ารายได้ปีนี้เป็นโต20% จากเดิมคาดโต10% หลังตุน Backlog 380 ลบ. รับรู้ฯ ในช่วงที่เหลือของปีนี้40% มั่นใจอัตรากำไรสุทธิปีนี้ 11-12% ตามเป้า -ยันครองอันดับ1 มาร์เก็ตแชร์ตลาดป้องกันอัคคีภัย แย้มปีหน้า รายได้โตต่อเนื่อง 10-20% หลังรุกหนักงานรับเหมาฯ ติดตั้งอุปกรณ์ดับเพลิงที่มีการเติบโตสูง แย้มเตรียมเซ็นรับงานใหม่ มูลค่า 63 ลบ. แถมอยู่ระหว่างยื่นประมูลงานภาครัฐ ราว 200 ลบ. คาดรู้ผลภายในปีนี้ เทพหุ้น คาดกำไร Q3/60 All Time High ปรับใช้เป้าปีหน้า 5 บาท
นายทักษิณ ตันติไพจิตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ FTE ผู้นำธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายอุปกรณ์ดับเพลิงแบบครบวงจร ระบบดับเพลิงอัตโนมัติ และระบบสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้ การให้บริการออกแบบ รับเหมาติดตั้ง ซ่อมแซม ตรวจสอบและบำรุงรักษาอุปกรณ์ดับเพลิง และงานระบบที่เกี่ยวข้องกับการดับเพลิงในสถานที่ต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกอาคาร เปิดเผยกับสำนักข่าวหุ้นอินไซด์ว่า คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3/60 จะเติบโตดีกว่าไตรมาส 2/60 ที่มีรายได้อยู่ที่ 215 ล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 27 ล้านบาท เนื่องจากลูกค้าในกลุ่มผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์บางรายได้เร่งโอนโครงการคอนโดมิเนียมมากขึ้น ส่งผลให้บริษัทมียอดขายจำหน่ายอุปกรณ์ดับเพลิงแบบครบวงจรของบริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกันงานโครงการห้างสรรพสินค้าและช็อปปิ้งมอลล์ก็ได้มีการเร่งส่งมอบอาคารด้วยเช่นกันจึงผลักดันให้ยอดขายเพิ่มสูงขึ้น บริษัทจึงมีการส่งมอบงานได้อย่างต่อเนื่อง
พร้อมกันนี้บริษัทได้ปรับเพิ่มเป้ารายได้ปีนี้เป็นเติบโต 20% หรือทำสถิติใหม่สุงสุดใหม่ จากเป้าหมายเดิมที่ตั้งเป้าเติบโต10% จากในปี59 บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 829 ล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้อยู่ที่ 452 ล้านบาท หลังจากประเมินถึงแนวโน้มผลประกอบการในครึ่งปีหลัง
จะเติบโตกว่าครึ่งปีแรก ขณะที่บริษัทยังมีงานในมือ(Backlog)อยู่อีกราว 380 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นงานออกแบบติดตั้งระบบดับเพลิงจำนวน 260 ล้านบาทและอีก 120 ล้านบาทเป็นจำหน่ายอุปกรณ์ดับเพลิงแบบครบวงจร ที่จะรับรู้รายได้ปีนี้ประมาณ 40%และส่วนที่เหลือจะทะยอยรับรู้ในปีถัดไป
"เรามุ่งเน้นในการขยายไปยังตลาดใหม่ๆเพื่อสร้างฐานลูกค้ามารองรับการเติบโตในอนาคต รวมถึงการเพิ่มคลังสินค้าแห่งใหม่ แม้ว่าในปัจจุบันเรายังไม่สามารถจัดหาพื้นที่ในการสร้างคลังสินค้าได้ แต่เราก็ยังเชื่อว่าพื้นที่ในปัจจุบันยังมีความเพียงพอต่อการจัดเก็บและมีศักยภาพในการกระจายสินค้าให้ทั่วถึงแก่ลูกค้าได้ แต่อย่างไรก็ตามหากเราได้พื้นที่ในการสร้างคลังสินค้าแห่งใหม่และสร้างคลังสินค้าดังกล่าวได้จนเส็รจจะทำให้บริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนและมีเพิ่มศักยภาพในการกระจายสินค้าได้อย่างมีนัยสำคัญ" นายทักษิณ กล่าว
ขณะที่มั่นใจอัตรากำไรสุทธิ(net profit margin)ปีนี้จะทำได้ตามเป้าที่วางไว้ที่ 11-12% จากปีก่อนที่ทำได้ 11% เนื่องจากบริษัทได้รับปัจจัยสนับสนุนจากอัตราการแลกเปลี่ยน จากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นส่งผลให้มาร์จิ้นของอุปกรณ์ดับเพลิงแบบครบวงจรเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งบริษัทยังคาดว่าจะสามารถรักษาส่วนแบ่งทางอุตสาหกรรม(มาร์เก็ตแชร์)ในตลาดอุปกรณ์ดับเพลิงแบบครบวงจร ให้เป็นอันดับ 1ได้ สะท้อนจากอัตรากำไรสุทธิ(net profit margin)ในช่วงครึ่งปีแรกที่บริษัททำได้ 12% แม้ว่าการแข่งขันในอุตสาหกรมดังกล่าวจะค่อนข้างเพิ่มขึ้นสูง
อนึ่ง FTE เป็นผู้เล่นอันดับหนึ่งในตลาดการป้องกันอัคคีภัยซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดถึง 18%
นายทักษิณ กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวโน้มการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปี 61 คาดรายได้จะเติบโต 10 - 20% หรือทำสถิติใหม่สูงสุดต่อเนื่องจากปี60 โดยบริษัทจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากงานออกแบบติดตั้งระบบดับเพลิงให้อยู่ที่ 35% จากปัจจุบันอยู่ที่ 30% เนื่องจากสามารถสร้างอัตรากำไรขั้นต้นได้ค่อนข้างสูง เพราะเป็นงานที่สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดีกว่างานนำเข้าและจำหน่ายอุปกรณ์ดับเพลิงแบบครบวงจร อีกทั้งเพื่อให้สอดคล้องตามนโยบายการลงทุนจากทางภาครัฐบาลที่จะออกโครงการเมกะโปรเจคต่างๆในปี61 อาทิโครงการถไฟฟ้าสายต่างๆ โครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC)และโครงการอินฟาซัคเจอร์เป็นต้น ที่จะถูกผลักดันออกมาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้บริษัทพร้อมเดินหน้าเข้าประมูลงานอย่างต่อเนื่องเช่นกัน เพื่อรักษางานในมือ(Backlog)ให้ไม่ต่ำกว่า 450 ล้านบาท ซึ่งจะรองรับการเติบโตของบริษัทได้อย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันบริษัทได้อยู่ระหว่างยื่นประมูลงานจากทางภาครัฐราว 200 ล้านบาท คาดว่าจะรู้ผลการประมูลงานดังกล่าวได้ภายในปีนี้ บริษัทประเมินว่ามีโอกาสที่จะได้งานราว 120 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังรอเซ็นสัญญารับงานได้ในช่วงไตรมาส 4/60 ซึ่งมีมูลค่างานราว 63 ล้านบาทอีกทั้งยังเตรียมเข้ารับงานออกแบบติดตั้งระบบดับเพลิงในโรงงานอุตสาหกรรมเข้ามาเพิ่มเติม
นอกจากนี้ บริษัทจะการนำเสนอข้อมูลบริษัทให้แก่นักลงทุนสถาบัน รวมถึงนักวิเคราะห์ หลังจากช่วงที่ผ่านมามีสถาบันต่างๆเข้ามาข้อมูลบริษัทอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทก็ยินดีที่จะให้ข้อมูล โดยคาดว่าหลังปิดงบQ3/60 น่าจะให้มีการพบปะนักวิเคราะห์และกองทุนต่างๆ ได้มากขึ้น
ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส ออกบทวิเคราะห์ ระบุว่า จากสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้ออำนวย ทั้งการฟื้นตัวของคอนโดฯและออฟฟิสสร้างใหม่ ที่จะหนุนให้ยอดขายอุปกรณ์ดับเพลิงกลับมาขยายตัวแบบ Q-Q ครั้งแรกในรอบ 3 ไตรมาส และการเร่งรับมอบงานติดตั้งระบบดับเพลิงของภาครัฐฯ ทำให้แนวโน้มกำไรสุทธิ 3Q17 ซึ่งเดิมคาดว่าจะทำ All Time High อยู่แล้ว มีโอกาสออกมาดีกว่าคาดที่ 32 ล้านบาท โดยเราปรับคาดการณ์เป็น 39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43% Q-Q และปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้และปีหน้าขึ้น 11%-16% เป็น 127 ล้านบาท (+45% Y-Y) และ 150 ล้านบาท (+19% Y-Y) ภายใต้สมมติฐานการขยายตัวของการก่อสร้างตึกต่างๆ ที่ถูกบังคับตามกฎหมายให้ติดตั้งอุปกรณ์ดับเพลิง และงานโครงการตามแผนยุทธศาสตร์ 10 ปีด้านพลังงานของ กฟผ. และ กฟน. รวมถึงแรงสนับสนุนจากกรมโรงงานหลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ 3 โรงงานใหญ่ใน 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2018 ที่ 5.00 บาท อิง PE 20 เท่า แนะนำซื้อ
กำไร 3Q17 มีแนวโน้มออกมาดีกว่าคาดการณ์เดิม
จากแนวโน้มคอนโดมีเนียมและออฟฟิสสร้างใหม่ที่ฟื้นตัวตั้งแต่ 2Q17 ราว 31% Q-Q อยู่ที่ 13,605 ยูนิต (Collier Research) ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกกับผู้ขายอุปกรณ์ดับเพลิงและรับติดตั้งระบบดับเพลิงโดยตรง เพราะ พรบ. ควบคุมอาคารกำหนดให้อาคารสูงเกิน 23 เมตร ต้องมีการติดตั้งอุปกรณ์ดับเพลิงและระบบดับเพลิงอัตโนมัติ ทำให้เราคาดว่ายอดขายอุปกรณ์ดับเพลิงของ FTE ใน 3Q17 จะเพิ่มขึ้น 23% Q-Q อยู่ที่ 185 ล้านบาท ส่วนงานรับเหมาติดตั้งระบบดับเพลิง ซึ่งส่วนใหญ่คืองานติดตั้งให้สถานีไฟฟ้าแรงสูงของ กฟผ. คาดว่าจะมีการรับรู้ราว 75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% Q-Q จากการเร่งปิดงานในมือก่อนเข้าสู่ช่วงหยุดยาวใน 4Q17 ทั้งของภาครัฐฯ และเอกชนที่เหลือหลัง 2Q17 ราว 340 ล้านบาท
ขณะที่ อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะเพิ่มเป็น 28.0% จาก 27.3% ใน 2Q17 ตามเงินบาทที่แข็งค่าราว 3% Q-Q ซึ่งจากการวิเคราะห์ความอ่อนไหวของเรา เงินบาทที่แข็งค่าทุก 1% จะเป็นบวกกับกำไรสุทธิ 4% ด้วยเงื่อนไขด้านสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้ออำนวยทำให้เราคาดว่ากำไรสุทธิ 3Q17 จะเพิ่มขึ้นถึง 43% Q-Q เป็น 39 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าคาดการณ์เบื้องต้นของเราที่ 32 ล้านบาท
โอกาสเติบโตในอนาคตยังเปิดกว้าง ตามอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องที่ฟื้นตัว
FTE เป็นผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์ดับเพลิงและติดตั้งที่มีส่วนแบ่งตลาดมากสุดราว 18-20% เราคาดว่ามูลค่างานก่อสร้างจะเพิ่มขึ้น 15% ต่อปีไปจนถึงปี 2019 ซึ่งมูลค่าการลงทุนในอุปกรณ์ดับเพลิงจะคิดเป็น 0.5-1.0% ของมูลค่างานก่อสร้าง ขณะที่ งานติดตั้งอุปกรณ์ดับเพลิงให้ กฟผ. ถ้าอิงตามแผนยุทธศาสตร์ด้านพลังงาน 10 ปี คาดว่าจะมีงานประมูลต่อเนื่องราว 400 ล้านบาท/ปี ในช่วงปี 2018-2026 ซึ่ง FTE มีส่วนแบ่งในตลาดนี้ราว 60-65% อีกทั้ง กฟน. มีแผนลงทุนติดตั้งอุปกรณ์ดับเพลิงตามสถานีไฟฟ้าแรงสูงทั่ว กทม. ซึ่งถือเป็น Upside เพิ่มเติมควบคู่กับการขยายตัวของโรงงานในแถบ EEC รวมถึงกรมโรงงานที่เร่งให้โรงงานต่างๆติดตั้งอุปกรณ์ดับเพลิงเพื่อป้องกันอัคคีภัย หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงาน 3 แห่งใน 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา เราจึงมั่นใจต่อการเติบโตของกำไรในปี 2017-2019 ที่คาดโตเฉลี่ยสูงถึง 26% ต่อปี
ปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2018 ที่ 5.00 บาท แนะนำซื้อ
ผลจากแนวโน้มกำไร 3Q17 ที่สูงกว่าคาดการณ์เดิม และภาวะอุตสาหกรรมที่สดใสขึ้น ทำให้เราปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้และปีหน้าขึ้น 11% และ 16% (จาก 114 ล้านบาท และ 130 ล้านบาท) เป็น 127 ล้านบาท (+45% Y-Y) และ 150 ล้านบาท (+19% Y-Y) และปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2018 ที่ 5.00 บาท อิง PE 20 เท่า ซึ่งลดลงจากเดิมที่ 22.5 เท่า ตามสัดส่วนงานรับเหมาติดตั้งที่จะเพิ่มสูงขึ้นในปีหน้า ยังคงแนะนำซื้อ
ความเสี่ยง - งานก่อสร้างที่ชะลอตัว และความผันผวนของค่าเงินบาท
----จบ----