HotNews : SPA ล้มแผนลงทุน “CHABA” ยันไม่กระทบเป้ารายได้ปี 62

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (7 ตุลาคม 2562) SPA ล้มแผนลงทุน Chaba Nails & Spa เหตุธุรกิจขยายตัวช้า แต่ยันไม่กระทบเป้ารายได้คงเดิมที่ 20%

 

 

นายวิบูลย์ อุตสาหจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) SPA เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ บริษัทฯ คร้ังที่7/2562เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2562 ได้มีมติอนุมัตัให้ยกเลิกการร่วมลงทุนในบริษัทชบา เอลลิแกนซ์จำกัด (“CHABA”) ซึ่งทำธุรกิจทำ เล็บ สปามือ-เท้า และขนตาภายใต้ชื่อ Chaba Nails & Spa เนื่องจากธุรกิจดงกล่าวตอ้งอาศยความเชี่ยวชาญทางงานฝีมือค่อนข้างสูง ทำให้ธุรกิจขยายตัวได้ช้า และไม่เป็นไปตามวตัถุประสงค์เดิมของบริษัทฯ

 

 

ทั้งนี้การยกเลิกการลงทุนใน CHABA ไม่กระทบภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)โดยบริษัทฯ ยังคงเป้าหมายการเจริญเติบโตของรายได้คงเดิมที่ 20% สำหรับปี 2562

 

 

บริษัท ฯได้ร่วมลงทุนมาตั้งแต่วันที่1 มกราคม 2562 เป็นต้นมาและบริษัทฯ จะโอนหุ้นของบริษทั ชบาเอลลิแกนซ์ จำกัด ที่ถืออยู่จำนวน 349,600 หุ้นคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ76.00 ของจำนวนหุ้นที่ชำระแล้วของ CHABA คืนให้กับ บริษัท ชบา เนลเวลเนสสปาแอท ดิอีสท์ จำกัด หรือกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมในราคาเดิม ภายในไตรมาส 4 ปี 2562 โดยบริษัท ฯ จะรับรู้รายไดจ้ากการร่วมลงทุนถึงวันที่ 30 กันยายน 2562

 

 

 

 

 

 

SPA มั่นใจรายได้ปี 62 โตทะลุเป้า 20%

 

 

 นายวิบูลย์ อุตสาหจิต กล่าวว่า บริษัทฯ คาดว่าในปี 2562 จะมีรายได้เติบโตมากกว่าเป้าหมายที่เคยตั้งไว้ที่ 20% เนื่องจากการเปิดสาขาที่เป็นไปตามแผนที่บริษัทฯ วางไว้ ที่ 10 สาขาต่อปี และการให้บริการสปาในโรงแรม รวมถึงในช่วงไตรมาส 4/2562 เป็นช่วง High Season ของธุรกิจสปา อีกทั้งยังมีการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนในช่วงครึ่งปีหลังอีกด้วย โดยในช่วงไตรมาส 2/2562 บริษัทฯ มีรายได้รวม จำนวน 342.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปี ก่อน 71.50 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น26.36% โดยรายได้หลักยังคงเป็นรายได้จากธุรกิจสปาของบริษัทฯ ในสัดส่วนร้อยละ 91 ของรายได้จากการขายและบริการ

 

 

ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มีการเปิดสาขาใหม่จำนวน 6 สาขา แบ่งเป็นแบรนด์ Let’s Relax จำนวน 4 สาขา และ แบรนด์ Stretch me by Let’s Relax จำนวน 2 สาขา โดยในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทฯ มีแผนที่จะขยายสาขาเพิ่มอีก 5 สาขาในไตรมาส 4/2562 ซึ่งจะเป็นแบรนด์ Let’s Relax ทั้งหมด โดยจะเปิดในพื้นที่จังหวัดตรัง กระบี่ ภูเก็ตและกรุงเทพฯ

 

 

ปัจจุบันบริษัทฯ มีทั้งสิ้น 62 สาขา (ทั้งในไทยและต่างประเทศ) นอกจากนี้บริษัทฯ ได้เข้าทำธุรกิจเกี่ยวกับการให้บริการสปาในโรงแรม จำนวน 3 แห่ง ซึ่งจะสามารถเปิดให้บริการในไตรมาส 4/2562 นี้ ขณะที่ในส่วนของสาขาในต่างประเทศปัจจุบันมีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 7 สาขาแบ่งเป็นในประเทศจีน 4 สาขา ประเทศกัมพูชา 3 สาขา และประเทศพม่า 1 สาขา นอกจากนี้บริษัทฯ ยัง้ตรียมที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ภายใต้แบรนด์ใหม่ในช่วงไตรมาส 4/2562

 

 

 

 

"บริษัทฯ มีแผนการขยายสาขาเพิ่มปีละ 10 สาขา เพื่อให้มีผลงานและการเติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เราพยายามเลือกเปิดสาขาใหม่ในพื้นที่ที่ดี บางสาขาเราได้รับการตอบรับจากลูกค้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ เราจึงพยายามขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศเพื่อให้เป็นที่ 1 ในใจของลูกค้า" นายวิบูลย์ กล่าวเพิ่มเติม

 

 

ขณะที่ในส่วนของแบรนด์ Stretch me by Let’s Relax ที่มีการเปิดให้บริการตั้งแต่ช่วงปี 2561 ที่ผ่านมา เป็นการเจาะกลุ่มลูกค้ากลุ่มใหม่ที่ต้องการนวดคลายกล้ามเนื้อมากกว่าการนวดเพื่อความผ่อนคลาย โดยมีพนักงานเป็นนักกายภาพบำบัดและนักวิทยาศาสตร์การกีฬา ทั้งนี้บริษัทฯ ยังมองหาฐานลูกค้าผู้สูงอายุที่ต้องการการนวดเพื่อบำบัด ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังการซื้อมาก และมีจำนวนมากขึ้นในยุคปัจจุบัน

 

 

นายวิบูลย์ กล่าวเพิ่มเติมถึงผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3/2562 ว่า คาดว่าจะเติบโตมากกว่าไตรมาส 2/2562 ที่ผ่านมา เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้ออกมาแจ้งถึงจำนวนนักท่องเที่ยวจีนในเดือนกรกฎาคมที่เติบโตขึ้น 5% ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่จะสามารถเข้ามาช่วยหนุนรายได้ของบริษัทฯ ให้เติบโตมากขึ้น

 

 

 

 

 

กูรู เมย์แบงก์ กิมเอ็ง แนะซื้อ SPA เป้า 15.80 บ./หุ้น

 

บริษัทหลักทรัพย์.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์เปิดเผยว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวชาวจีนเดือน ส.ค. ที่ขยายตัว +19% YoY ทะลุผ่าน 1 ล้านคนเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน แม้ค่าเงินหยวนจะอ่อนค่าถึง 9% จากปลายปีเทียบกับเงินบาท ตรงนี้สัญญาณที่สำคัญว่า ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายการท่องเที่ยวของชาวจีน และ ราคาไม่ใช่ประเด็นขัดขวางการมาท่องเที่ยวประเทศไทย โดยเราประเมินว่าผลกำไรของ SPA จะโดดเด่นตลอดครึ่งปีหลังนี้ เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาเหมาะสมปี 2562 ที่ 15.80 บาท/ หุ้น อิง DCF (WACC 8.6% g 5.0%) ปัจจุบันหุ้นซื้อขายที่ PEG 1.2 เท่า มีส่วนลดจากก่อนหน้าที่ 1.8-2.9 เท่า

 

 

ทั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานตัวเลขนักท่องเที่ยวเดือน ส.ค. ที่ 3.47 ล้านคน ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ +7% YoY และ +4% MoM โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน กลับมาขยายตัวดีมากที่ 1.03 ล้านคน +19% YoY และ +5% MoM แม้ก่อนหน้านี้จะมีความกังวลในเรื่องค่าเงินหยวนที่อ่อนค่า 9% จากปี 2561 เทียบกับเงินบาท เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า ค่าเงินหยวนแทบไม่มีผลต่อการตัดสินใจมาเที่ยวไทย นอกจากนี้ ประเทศไทยยังได้ประโยชน์ทางอ้อมจากเหตุความไม่สงบในฮ่องกง ทำให้ประเทศไทยจึงกลายเป็นตัวเลือกทดแทนสำหรับการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาล Golden week ของชาวจีนอีกด้วย จากปกติที่ประเทศไทยเป็นอันดับ 3 รองมาจาก ฮ่องกง และ มาเก๊า ในช่วงเทศกาลนี้

 

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม เรายืนยันมุมมองจากบทวิเคราะห์ 20 ส.ค. 2562 "ราคาหุ้นมีโอกาสเปลี่ยนแนวโน้ม" เรามองว่าโมเมนตัมของรายได้ กำไร และ อัตรากำไรจะออกจากจุดต่ำสุด 29.0% ไปสู่ระดับปกติ 33-35% ได้ตั้งแต่ไตรมาส 3/62 โดยเราคาดกำไรสุทธิจะขยายตัวโดดเด่น เบื้องต้น 55-60 ล้านบาท เร่งตัว 17-28% QoQ และ YoY ผลักดันจากปริมาณลูกค้าหนาแน่น, ต้นทุนบริหารที่ลดลง (ไม่มีกันสำรอง พรบ.แรงงานฯ ไม่มีโบนัสส่วนเกิน ไม่มีค่าใช้จ่ายในการยุบสาขา) และ สาขาพัทยาเหนือกลับมาทำงานเต็มไตรมาสหลังปิดปรับปรุงอีกด้วย

 

 

ขณะที่ ปริมาณนักท่องเที่ยวชาวจีนจะส่งผลต่ออัตราการบริการ และ ผลกำไรอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากมีส่วนต่อในปริมาณผู้ใช้บริการกว่า 55% ของผู้ใช้บริการทั้งหมด

 

 

SPA