
HotNews : CHG ลั่นปีนี้ปั้มรายโตไม่ต่ำกว่า 10% จ่อชงบอร์ด เคาะแผนลงทุน 500 ลบ.
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (24 กันยายน 2562) CHG ตั้งเป้ารายปี 62 โตไม่ต่ำกว่า 10% ตามการเติบโตรพ.เดิม - รับรู้รายได้ รพ.ใหม่ 2 แห่งเต็มปี - เพิ่มฐานลูกค้าต่างชาติ แย้มเตรียมชงบอร์ดธ.ค.นี้ เสนอแผนการลงทุนบนที่ดิน 5 ไร่ ติดรพ.จุฬารัตน์ 3 คาดใช้เงินลงทุน 500 ลบ. ด้านกูรูดีบีเอสฯ แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 2.70 บาท/หุ้น ,ฟินันเซีย ไซรัส แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 2.70 บาท/หุ้น,บล.เคทีบี (ประเทศไทย) แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 2.60 บาท/หุ้น, บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ แนะนำ "SWITCH" ราคาเป้าหมาย 2.40 บาท/หุ้น
แพทย์หญิงชุติมา ปิ่นเจริญ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG เปิดเผยว่า บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ปี 2562 เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อนที่ทำได้ 4,430.84 ล้านบาท เนื่องจาก บริษัทฯมีการรับรู้รายได้จากโรงพยาบาลใหม่ 2 แห่งแบบเต็มปี ได้แก่ โรงพยาบาลจุรารัตน์ 304 ที่ได้เปิดดำเนินการตั้งแต่ปีก่อน
ซึ่งจะถึงจุดคุ้มทุนในไตรมาส 3/2562 และโรงพยาบาลรวมแพทย์ จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่เปิดดำเนินการปีก่อนเช่นกันและจะถึงจุดคุ้มทุนภายในปีหน้า
ขณะที่ รายได้จากโรงพยาบาลเดิมก็ยังคงเติบโตได้ดี รวมถึงบริษัทฯยังมีแผนเพิ่มสัดส่วนรายได้จากลูกค้าชาวต่างชาติให้เป็น10% ภายในระยะเวลา 5 ปี (62-66) จากปัจจุบันอยู่ 3-4%
นอกจากนี้ ยังมีโรงพยาบาลมะเร็งที่บริษัทฯได้เริ่มก่อสร้างไปแล้วและเตรียมเปิดให้บริการภายในไตรมาส3/2563 เข้ามาสนับสนุนผลประกอบการอย่างต่อเนื่อง
"ปีนี้เราจะรับรู้รายได้จาก 2 รพ.ใหม่แบบเต็มปี ส่วนรพ.เดิมเราก็ยังคงเติบโตอยู่ ด้านลูกค้าต่างชาติเราก็จะขยายซึ่งตอนนี้ส่วนมากลูกค้าชาวตะวันออกกลางจะใช้บริการเราโดยเฉพาะโอมานและสหรัฐอารับเอมิเรตส์ ซึ่งทำให้เชื่อว่ารายได้ปีหน้าเราก็จะมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% เช่นกัน" แพทย์หญิงชุติมา กล่าว
พร้อมกันนี้ บริษัทฯยังคงมองหาโอกาสขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเบื้องต้นบริษัทฯมีแผนขยายพื้นที่ใกล้โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 เพิ่มเติม บนพื้นที่ 5 ไร่ และเป็นการขยายเพื่อรองรับลูกค้าระดับบน(A Class )ซึ่งคาดว่าใช้งบลงทุนราว 500 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯจะทำการเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ(บอร์ด) ภายในเดือนธันวาคมนี้ ขณะเดียวกัน บริษัทฯยังมีแผนเพิ่มลูกค้าประกันสังคมในโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 11 เพิ่มอีก 10,000 ราย จากปัจจุบันมี 1 แสนราย และมีจำนวนลูกค้าประกันสังคมรวมทุกสาขาจำนวน 430,000 ราย หลังมีบริษัทแจ้งความประสงค์เข้าร่วมเอาประสังคมเพิ่ม
บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า คาดกำไร 2H62 ของ CHG จะเติบโต HoH และขยายตัวแข็งแกร่งในปี 63 เนื่องจากไตรมาส 3 เป็น High season ของธุรกิจโรงพยาบาล (ฤดูฝนจะมีคนไข้เพิ่มขึ้น), สัดส่วนคนไข้ที่ไม่ใช่ประกันสังคมสูงขึ้น และผลขาดทุนจากโรงพยาบาลใหม่ 2 แห่งน้อยลงใน 3Q62 และมีโอกาสคุ้มทุนใน 4Q62 รวมถึงทำกำไรได้ในปี 63 ทั้งนี้เราประมาณการว่าโรงพยาบาลใหม่ 2 แห่งจะขาดทุน 95 ล้านบาทในปี 62 ซึ่งถ้าทั้งสองโรงพยาบาลคุ้มทุนได้ในสิ้นปีนี้ ส่วนนี้ก็จะบวกกลับเป็นกำไรในปี 63
- ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.02 บาท/หุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD 26 ส.ค.นี้
- ในเชิงกลยุทธ์ แนะนำซื้อ ทางฝ่ายวิจัยฯ DBS ให้ราคาพื้นฐาน 2.70 บาท ทั้งนี้คาดว่าผลประกอบการจะดีขึ้นใน 2H62 และเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในปี 63 เราประมาณการ Core profit ปี 62/63 ว่าจะเติบโต 7% และ 15% ตามลำดับ
- การวิเคราะห์ทางเทคนิค : แนะนำซื้อตามด้วยค่าบวกของราคาหุ้น แนวต้านระยะสั้น 2.6-2.7, 2.9 บาท การอ่อนตัวต่ำกว่า 2.3 บาทให้ลดพอร์ต/Stop loss โดยมีแนวรับ 2.10+/-, 1.90 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่ามีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มกำไรปกติ 2H19 ของ CHG ที่คาดว่าจะกลับมาเติบโตโดดเด่นทั้ง H-H และ Y-Y จากทั้งอานิสงส์ของ High Season ซึ่งหนุนการเติบโตของโรงพยาบาลหลักเดิม รวมถึงผลขาดทุนของโรงพยาบาลใหม่ที่ทยอยลดลง โดยเราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติขึ้นเฉลี่ย 4-5% สะท้อน Upside ที่มีจาก 1H19 ที่ทำได้ดีกว่าที่ประเมิน โดยปี 2019 คาดเติบโต +8% Y-Y และเร่งตัวขึ้นเป็น +13.3% ในปี 2020 เราจึงปรับใช้ราคาเหมาะสมปีหน้าที่ 2.70 บาท โดยยังคงคำแนะนำ "ซื้อ"
คาดว่าผลการดำเนินงานของ CHG ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วง 2Q19 ทั้งจาก Low Season รวมถึงมีการบันทึกสำรองผลประโยชน์พนักงานและกลับรายได้ประกันสังคมส่วนโรคซับซ้อน (RW > 2) ออกบางส่วน โดยคาดว่าแนวโน้มกำไรปกติ 2H19 จะกลับมาเติบโตอย่างโดดเด่นทัง H-H และ Y-Y จากแรงหนุนของทั้ง High Season ซึ่งหนุนการเติบโตของโรงพยาบาลหลักเดิม (รพ.จุฬารัตน์ 3 9 และ 11 คิดเป็นสัดส่วนราว 80% ของรายได้รวม) ให้เติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง ขณะที่ผลขาดทุนเริ่มแรกของโรงพยาบาลใหม่ทั้งรพ.จุฬารัตน์ 304 และรพ.รวมแพทย์ฉะเชิงเทราคาดว่าจะทยอยลดลงอย่างต่อเนื่อง (1H19 ขาดทุนรวมกันราว 72 ลบ.)
จากกำไรปกติ 1H19 โดยภาพรวมที่ออกมาแข็งแรงกว่าคาดและคิดเป็น 48% ของประมาณการทั้งปี ประกอบโมเมนตัมกำไรในครึ่งปีหลังที่คาดโตโดดเด่น เราจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติขึ้นเฉลี่ยราว 4-5% สะท้อน Upside ที่มี ส่งผลให้กำไรปกตีปี 2019 ขยับขึ้นมาที่ 684 ลบ. +8% Y-Y ขณะที่ปี 2020 คาดเติบโตเร่งตัวขึ้นเป็น 776 ลบ. +13.3% Y-Y จากทั้งโรงพยาบาลหลักเดิมที่เติบโต รวมถึงโรงพยาบาลใหม่ๆที่มีโอกาสเริ่มถึงจุดคุ้มทุนในปี 2020 เป็นต้นไป
ปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 2020 ที่ 2.70 บาท คงคำแนะนำ "ซื้อ" จากโมเมนตัมกำไรที่ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและจะกลับมาเติบโต Y-Y ได้ตั้งแต่ 3Q19 เป็นต้นไปต่อเนื่องปี 2020 เราจึงปรับใช้ราคาเหมาะสมปีหน้าที่ 2.70 บาท (DCF WACC 6.36% Terminal Growth 3%) มี Upside เปิดกว้าง 14.4% จึงยังคงคำแนะนำ "ซื้อ"
ความเสี่ยง คือ เศรษฐกิจและการบริโภคในประเทศที่อาจกลับมาชะลอตัว สำนักงานประกันสังคมจ่ายเงินได้น้อยกว่าที่ประกาศ โรงพยาบาลใหม่ที่อาจถ่วงผลการดำเนินงานนานกว่าคาด
บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด คงคำแนะนำ "ซื้อ" CHG และราคาเป้าหมายที่ 2.60 บาท อิงวิธี DCF เรามีมุมมองเป็นกลางจากการประชุมนักวิเคราะห์ โดยผู้บริหาร CHG ยังคงมั่นใจว่า 2H19E จะกลับมาเติบโตโดดเด่นจาก
1) รพ.จุฬารัตน์ 304 อินเตอร์ จะทำกำไรได้ในช่วง 3Q19 และรพ.รวมแพทย์ฉะเชิงเทราจะทำกำไรได้ในช่วง 4Q19-1Q20 จากขาดทุนสุทธิใน 2Q19 ซึ่งยังคง in line กับ guidance เดิมที่เคยให้ไว้,
2) รพ.อาจขอโควต้าประกันสังคมเพิ่มเนื่องจากมีหลายบริษัทแถวบางปะกงติดต่อเข้ามา, และ
3) คาดว่าสำนักงานประกันสังคม (SSO) จะปรับขึ้นอัตราจ่ายให้โรงพยาบาลในเครือประกันสังคม เนื่องจากไม่ได้ปรับมา 2 ปีกว่า โดยเราคาดทุกๆ การปรับขึ้น 5% ของ SSO จะมี upside กับประมาณการกำไรสุทธิในปี 2020 ของเราประมาณ 11% ทั้งนี้เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2019 ที่ 694 ล้านบาท เติบโต +9% YoY โดยกำไรสุทธิ 2H19E จะเติบโตดีจากฐานที่ต่ำและ 2 โรงพยาบาลที่เปิดเมื่อปลายปีมีผลการดำเนินดีขึ้น
ส่วนกำไรสุทธิในปี 2020 เป็นต้นไปเรามีโอกาสปรับขึ้นหาก SSO ประกาศปรับอัตราที่จะจ่ายให้ รพ.ในเครือประกันสังคมเพิ่มขึ้น ราคาหุ้นช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา outperform SET +17% เนื่องจากกำไรของ CHG ได้ผ่านช่วงต่ำสุดเมื่อปลายปีที่แล้วและกำไร 1H19 ปรับตัวดีขึ้นกว่าปลายปีที่แล้ว ในขณะที่ valuation ยังน่าสนใจที่ระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ย PER ในอดีตย้อนหลัง 6 ปี
ผู้บริหารมั่นใจ 2H19E จะเติบโตโดดเด่นทั้ง YoY และ QoQ เรามีมุมมองเป็นกลางจากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ โดยผู้บริหารยังคงมั่นใจว่า 2H19E จะกลับมาเติบโตโดดเด่น ซึ่งผู้บริหารเปิดเผยว่า (1) โรงพยาบาลใหม่ 2 โรงที่เปิดไปตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว คือ รพ.จุฬารัตน์ 304 อินเตอร์ และ รพ.รวมแพทย์ฉะเชิงเทรา ยังคงมีขาดทุนสุทธิใน 2Q19 แต่ผู้บริหารมอง รพ.จุฬารัตน์ 304 อินเตอร์ จะทำกำไรสุทธิได้ในช่วงปลาย 3Q19 ส่วน รพ.รวมแพทย์ฉะเชิงเทราจะทำกำไรได้ในช่วง 4Q19 - 1Q20
ซึ่งยังคง in line กับ guidance เดิมที่เคยให้ไว้ (2) ผู้บริหารอยู่ระหว่างกำลังพิจารณาว่าจะขอโควต้าประกันสังคมเพิ่มหรือไม่ เนื่องจากแถบบางปะกงมีโรงงานเพิ่มขึ้นมาก และมีหลายบริษัทเข้ามาติดต่อ ซึ่งเฉลี่ยใน 2Q19 มีจำนวนผู้ประกันตน 432,640 ราย (โควต้า 440,000 ราย) ซึ่งใกล้เต็มโควต้าแล้ว อย่างไรก็ตาม CHG จะหันไปเน้นคนไข้เงินสดมากกว่า และ (3) CHG คาดว่าสำนักงานประกันสังคม (SSO) จะปรับอัตราจ่ายให้โรงพยาบาลในเครือประกันสังคม เนื่องจากไม่ได้ปรับมา 2 ปีกว่าแล้ว โดยเราคาดทุกๆ การปรับ 5% ของ SSO จะมี upside กับประมาณการกำไรสุทธิในปี 2020 ของเราประมาณ 11% (Fig 1)
คงกำไรสุทธิ 2019E และคาด 2H19E เติบโตโดเด่น เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2019 อยู่ที่ 694 ล้านบาท เติบโต 9% YoY มองกำไรสุทธิ 2H19E จะเติบโตดีจาก 1) พัฒนาการของ รพ.จุฬารัตน์ 304 อินเตอร์และ รพ.รวมแพทย์ฉะเชิงเทรา ดีขึ้น, 2) ครึ่งปีหลังเป็น High season ของธุรกิจโรงพยาบาล, และ 3) มีการบันทึกรายได้ประกันสังคมที่ค่อนข้างต่ำในปีที่แล้วเนื่องจากใช้เกณฑ์ performance เดิม ซึ่ง 2H19 นี้ จะสูงขึ้นเนื่องจากที่ผ่านมา performance ของการรักษาคนไข้ประกันสังคมทำได้ดีขึ้น ส่วนกำไรสุทธิในปี 2020 เป็นต้นไปขึ้นเรามีโอกาสปรับขึ้น หาก SSO ประกาศปรับอัตราที่จะจ่ายให้ รพ.ในเครือประกันสังคมเพิ่มขึ้น
Valuation/Catalyst/Risk
ให้ราคาเป้าหมายปี 2020 ที่ 2.60 บาท ใช้วิธี DCF อิง WACC = 7.2% และ Terminal growth = 3% โดย Key catalyst ในปีนี้จะเป็นผลการดำเนินงานของ รพ.จุฬารัตน์ 304 อินเตอร์ และ รพ.รวมแพทย์ฉะเชิงเทรา ที่เปิดเมื่อปลายปีที่แล้ว
บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า คาดกำไร 3Q62 ของ CHG จะกลับมาเติบโต YoY จากฐานกำไรที่ต่ำมากใน 2H61 เพราะผลกระทบเปิด 2 รพ. ใหม่ ทำให้มีค่าใช้จ่าย Pre operation รวมทั้งการเตรียมบุคคลการรองรับ โดย รพ.จุฬารัตน์ 304 ปราจีนบุรี เปิดให้บริการตั้งแต่ก.ค. 2561 และ รพ. รวมแพทย์ ฉะเชิงเทรา :เปิดให้บริการ พ.ย. 2561 ทั้ง 2 รพ. มีห้องตรวจผู้ป่วยนอก 15 ห้อง และเตียงผู้ป่วยใน 59 เตียง มีผลขาดทุนระยะแรก
ซึ่งต้องใช้เวลาคุ้มทุนในทางบัญชีราว 1-2 ปี โดยคาด รพ.จุฬารัตน์ 304 จะขาดทุนลดลงมากในงวด 3Q62 และเริ่มคุ้มทุนในงวด 4Q62 ขณะที่รพ.รวมแพทย์ ฉธเชิงเทรา ซึ่งมีผู้ป่วยในค่อนข้างมาก แต่ผู้ป่วยนอกยังไม่มากนัก เพราะติดปัญหาการทำถนนหน้ารพ. ทำให้การเดินทางไม่สะดวก แต่เนื่องจากอยู่ใกล้รพ.ในเครือ จึงได้ประโยชน์จากการแชร์ทรัพยากรร่วมกัน ทำให้ต้นทุนไม่สูงมาก ผลขาดทุนจึงมีแนวโน้มลดลง และคาดจะเริ่มคุ้มทุนในงวด 1Q63 บวกกับงวด 3Q62
เป็นช่วงฤดูกาลที่ได้รับผลบวกจากโรคระบาดที่มากับฤดูฝน อีกทั้ง 3 รพ.ใหญ่ คือ CH3, CH9, และ CH11 ได้เปิดส่วนต่อขยายให้บริการผู้ป่วยเงินสด รวมทั้งมีศูนย์เฉพาะทางครบวงจรที่สามารถให้บริการได้ทุกอย่าง อาทิ นมะเร็ง หัวใจ และผ่าตัดแผลเล็กด้วยกล้อง ทำให้รายได้ผู้ป่วยเงินสดในงวด 3Q62 มีแนวโน้มเติบโตดี
งวด 4Q62 คาดผู้ป่วยต่างชาติจะฟื้นตัวดีขึ้น หลัง CH3 ปรับปรุงพื้นที่ให้บริการผู้ป่วยเงินสดเสร็จ ปัจจุบัน รพ. จุฬารัตน์ 3 ยังประสบปัญหา ผู้ป่วยตะวันออกกลางชะลอตัว ทำให้สัดส่วนรายได้ผู้ป่วยต่างชาติของกลุ่มใน 1H62 ลดลงเหลือ 3% ของรายได้รวม จาก 4% ในปีก่อนหน้า ส่วนหนึ่งเกิดจากพื้นที่ให้บริการผู้ป่วยเงินสด และผู้ป่วยประกันสังคมของ CH3 เชื่อมติดกัน ทำให้เห็นความแออัดของพื้นที่ให้บริการ
ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการแก้ไข โดยได้สร้างอาคารใหม่ด้านหลังเพื่อให้บริการผู้ป่วยประกันสังคมโดยเฉพาะ ซึ่งขณะนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว และพร้อมจะย้ายผู้ป่วยประกันสังคมไปยังตึกใหม่ช่วง ก.ย.62 และใช้เวลาปรับปรุงพื้นที่ประกันสังคมเดิม เป็นพื้นที่ให้บริการรผู้ป่วยเงินสดให้แล้วเสร็จภายใน 45 วัน โดยอาคารเดิมทั้งตึก A และ B ที่เชื่อมต่อกัน จะให้บริการเฉพาะผู้ป่วยเงินสดระดับ A Class ช่วยลดความแออัด และสร้างบรรยากาศที่ดีขึ้นในการให้บริการผู้ป่วยเงินสด และผู้ป่วยต่างชาติได้เต็มที่ ซึ่งคาดจะแล้วเสร็จพร้อมให้บริการผู้ป่วยเงินสดระดับ A Class อย่างเต็มที่ตั้งแต่กลางเดือนพ.ย. นี้เป็นต้น ซึ่งคาดจะเห็นผลชัดเจนในปี 2563
บริษัทยังคงเป้ารายได้ปี 2562 เติบโต 15% และ Net Profit Margin ที่ 13.5% สอดคล้องประมาณการ แม้กำไรงวด 1H62 คิดเป็น 42.3% ของประมาณทั้งปี 2562 แต่ช่วง 2H62 คาดกำไรจะดีกว่า 1H62 ค่อนข้างมาก เพราะไม่มีรายการพิเศษ Employee Retirement benefit รวมถึงครึ่งปีหลังเป็นช่วงฤดูกาล อีกทั้งผลประกอบการของ 2 รพ.ใหม่ มีแนวโน้มขาดทุนที่ลดลงต่อเนื่อง และมีโอกาสจะพลิกเป็นกำไรในปีหน้าได้ ส่งผลให้ยังคงประมาณการเดิม
โดยคาดรายได้ปี 2562 จะเติบโต 14.2% YoY และกำไรปี 2562 จะเติบโต 7.5% YoY มาอยู่ที่ 681 ล้านบาท โดยมี Net profit margin ที่ 13.5% ตามเป้าหมายของบริษัท และคาดกำไรปี 2563 จะเติบโตต่อเนื่องอีก 12.2% จากผลบวกรายได้ผู้ป่วยเงินสดที่เติบโตที่คาดจะเติบโตได้ดี หลัง CH3 ปรับปรุงอาคารที่ให้บริการเฉพาะผู้ป่วยเงินสดเสร็จสมบูรณ์ และจาก รพ. 304 และรพ. รวมแพทย์ที่คาดจะพลิกมามีกำไร ขณะที่รายได้ผู้ป่วยประกันสังคมในปี 2563 อาจเติบโตได้ไม่มากนัก หากไม่มีกาปรับขึ้นอัตราเหมาจ่ายรายหัว เพราะจำนวนผู้ประกันตนสูงเกิน 90% ของโควต้าผู้ประกันตน ทำให้ปัจจุบันเหลือโควต้าผู้ประกันตนไม่ถึง 1 หมื่นราย
คำแนะนำ
ราคาขึ้นมาสะท้อน แนวโน้มกำไร 2H62 ที่ฟื้นตัวแล้ว จนเต็มมูลค่าพื้นฐานปี 62 จึงปรับลดคำแนะนำจาก "ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว" เป็น เปลี่ยนไปซื้อ BCH ซึ่งมี Upside เกิน 20% แทน
ปัจจัยเสี่ยง
การเปิดรพ.และศูนย์บริการการแพทย์แห่งใหม่ อาจใช้เวลาคืนทุนช้ากว่าคาด ผู้ประกันตนใกล้เต็มโควต้า แล้ว คาดหวังการเติบโตจากประกันสังคมค่อนข้างยาก ซึ่งเป็นปัจจัยลบกดดันให้ผลประกอบการมีโอกาสต่ำกว่าประมาณการได้