HotNews: INSET จ่อขายไอพีโอ 146 ล้านหุ้น หวังลงเทรด mai ใน ต.ค.นี้
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (16 กันยายน 2562) INSET ไอพีโอน้องใหม่ โรดโชว์ศักยภาพหุ้นให้บริการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและโครงข่ายโทรคมนาคมแบบครบวงจร มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง แนวโน้มเติบโตสูง มั่นใจกระแสตอบรับดีเยี่ยม จ่อเสนอขายหุ้นไอพีโอ จำนวน 146 ล้านหุ้น เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาด mai ในต.ค.นี้
นายศักดิ์บวร พุกกะณะสุต กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินฟราเซท จำกัด (มหาชน) หรือ INSET เปิดเผยว่า ในวันที่ 16 กันยายน 2562 บริษัทฯ จะนำเสนอข้อมูลให้กับนักลงทุน เพื่อทำความเข้าใจธุรกิจของบริษัทฯ ตลอดจนแผนงานในการดำเนินธุรกิจ ก่อนที่จะทำการเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 146 ล้านหุ้น และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในไตรมาส 4 ของปีนี้
วัตถุประสงค์ของการโรดโชว์ครั้งนี้ เพื่อให้นักลงทุนได้รับทราบถึงการดำเนินธุรกิจของ INSET ซึ่งปัจจุบันมีรูปแบบการดำเนินธุรกิจ 3 ประเภท ประกอบด้วย
1.ธุรกิจก่อสร้างศูนย์ข้อมูล และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (Data Center & Information Technology Infrastructure)
2.ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและโครงข่ายโทรคมนาคม (Telecommunication Infrastructure)
3.ธุรกิจงานซ่อมบำรุงและบริการ (Maintenance and Service)
"การระดมทุนในครั้งนี้บริษัทฯ จะนำเงินไปใช้ในการขยายธุรกิจ เช่น โครงการก่อสร้างโครงข่ายท่อร้อยสายสื่อสารลงใต้ดิน ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พื้นที่ 2 และโครงการวางระบบเครือข่ายและอุปกรณ์ WiFi เพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตไร้สายสาธารณะ (โครงการ Google Station) รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยบริษัทฯ มีความมั่นใจว่า ภายหลังจากการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ จะทำให้บริษัทฯ มีศักยภาพในการประมูลโครงการขนาดใหญ่ หนุนการเติบโตในอนาคตอีกด้วย นอกจากนี้ ณ งบการเงินไตรมาสที่ 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2562 บริษัทฯ มีงานระหว่างรอส่งมอบ (Backlog) อีกประมาณ 2,739 ล้านบาท" นายศักดิ์บวร กล่าว
ด้านนายเล็ก สิขรวิทย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินในการเสนอขายหุ้นไอพีโอของ INSET เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุญาตให้ INSET เสนอขายหุ้นต่อประชาชนเรียบร้อยแล้ว โดยบริษัทฯ มีแผนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 146 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 26.07% ของจํานวนหุ้นที่ออกและเรียกชําระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้
ปัจจุบันบริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 280 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 560 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท และมีทุนที่ชำระแล้ว 207 ล้านบาท
"มั่นใจว่า INSET จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมาก เนื่องจากบริษัทฯ อยู่ในอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมที่กำลังมีแนวโน้มเติบโตสูง ซึ่งมีความต้องการสร้างศูนย์ข้อมูล และโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีการสื่อสารเข้าสู่ระบบ 5G โดยบริษัทฯ มีการดำเนินธุรกิจดังกล่าวอย่างครบวงจร จึงเป็นโอกาสที่บริษัทฯ จะได้รับงานเพิ่มขึ้นในอนาคต ประกอบกับการที่บริษัทฯ มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง" นายเล็กกล่าว
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2559 – 2561 บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 451.36 ล้านบาท 530.29 ล้านบาท และ 1,007.12 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิปี 2559 - 2561 จำนวน 43.14 ล้านบาท 63.91 ล้านบาท และ 94.56 ล้านบาท ตามลำดับ โดยรายได้หลักของบริษัทฯ มาจากรายได้จากธุรกิจก่อสร้างศูนย์ข้อมูลและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ รองลงมาเป็นรายได้จากธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและโครงข่ายโทรคมนาคม
ขณะที่งวดหกเดือนปี 2561 และปี 2562 บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 452.66 ล้านบาท และ 577.68 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิจำนวน 31.18 ล้านบาท และ 46.57 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
นายเล็ก กล่าวเพิ่มเติมว่า คาดว่า INSET จะสามารถเตรียมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อหุ้นIPO ได้ในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้ และ คาดว่าจะเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้ในเดือนตุลาคม 2562 โดยการกำหนดราคาจะพิจารณาจากอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio : P/E) ในกลุ่มธุรกิจที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งปัจจุบันมี P/E อยู่ที่ 17-18 เท่า
ด้านนายศักดิ์บวร พุกกะณะสุต กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินฟราเซท จำกัด (มหาชน) หรือ INSET เปิดเผยว่า สำหรับการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะนำเงินดังกล่าวไปใช้ในการขยายธุรกิจ เช่น โครงการก่อสร้างโครงข่ายท่อร้อยสายสื่อสารลงใต้ดิน ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พื้นที่ 2 และโครงการวางระบบเครือข่ายและอุปกรณ์ WiFi เพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตไร้สายสาธารณะ (โครงการ Google Station)
รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยบริษัทฯ มีความมั่นใจว่า ภายหลังจากการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ จะทำให้บริษัทฯ มีศักยภาพในการประมูลโครงการขนาดใหญ่มากขึ้น โดยคาดว่าจะสามารถรองรับการประมูลงานได้มากกว่ามูลค่า 2,000 ล้านบาทต่อปี จากเดิมที่สามารถรองรับงานได้มูลค่า 1,000 - 2,000 ล้านบาทต่อปี
--เจาะธุรกิจ INSET --
INSET จดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัทจำกัดในปี 2549 ด้วยทุนแรกเริ่มจำนวน 1 ล้านบาท เพื่อประกอบธุรกิจก่อสร้างศูนย์ข้อมูล ซึ่งบริษัทฯ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และได้เริ่มขยายการให้บริการรับเหมาก่อสร้างในธุรกิจโทรคมนาคมอย่างครอบคลุมมากขึ้น ต่อมาในปี 2561 ได้เพิ่มทุนเป็น 207 ล้านบาท เพื่อให้บริการรับเหมาก่อสร้างกับผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคม และในปี 2562 บริษัทฯ ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 280 ล้านบาท พร้อมทั้งแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน ปัจจุบันสามารถแบ่งการให้บริการของบริษัทฯ เป็น 3 ธุรกิจ ได้แก่
1.ธุรกิจก่อสร้างศูนย์ข้อมูลและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (Data Center & Information Technology Infrastructure) โดยแบ่งเป็น 1.1) งานก่อสร้างศูนย์ข้อมูล (ศูนย์ Data Center) บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจก่อสร้างศูนย์ Data Center และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศด้วยประสบการณ์กว่า 13 ปี มีทีมงานที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญตั้งแต่การสำรวจ ออกแบบ ก่อสร้าง รวมถึงติดตั้งระบบและอุปกรณ์ภายในศูนย์ข้อมูล
และระบบเทคโนโลยีสารสนเทศต่างๆ ในรูปแบบการรับเหมาแบบเบ็ดเสร็จทั้งโครงการ (Turnkey) เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศรวมถึงหน่วยงานภาครัฐ และ 1.2) งานก่อสร้างระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Infrastructure) ซึ่งเป็นงานก่อสร้างระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ, ติดตั้งอุปกรณ์และเชื่อมต่อระบบต่างๆ ในพื้นที่โครงการ ทั้งระบบการสื่อสาร, ระบบสัญญาณ WIFI, ระบบสาย LAN และระบบไฟฟ้า เป็นต้น
2.ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและโครงข่ายโทรคมนาคม (Telecommunication Infrastructure) โดยบริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและโครงข่ายโทรคมนาคมให้กับผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศ โดยบริษัทฯ ให้บริการตั้งแต่การสำรวจ, ออกแบบ จนถึงก่อสร้างและติดตั้งเสาและสายสัญญาณและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง
3.ธุรกิจงานซ่อมบำรุงและบริการ (Maintenance and Service) บริษัทฯ มีบริการบำรุงรักษาและซ่อมบำรุงให้กับโครงการในกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารโทรคมนาคม การให้บริการจะมีทีมวิศวกรของบริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการซ่อมบำรุงเป็นหลัก โดยเน้นรับงานบริการและซ่อมบำรุงจากทั้งลูกค้าเก่าที่บริษัทฯ เคยส่งมอบโครงการแล้ว และลูกค้าใหม่ ซึ่งมีรูปแบบการให้บริการในลักษณะการให้บริการบำรุงรักษาแบบ Preventive Maintenance และแบบ Corrective Maintenance โดยบริษัทฯ มีทีมงานประจำทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรองรับความต้องการจากลูกค้าได้ทันที
"ในส่วนของแผนการดำเนินงานในปี 2562 บริษัทฯ จะยังมุ่งพัฒนาโครงการโครงสร้างพื้นฐานในประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดหวังว่าการดำเนินงานในโครงการต่างๆจะช่วยผลักดันให้ผลการดำเนินงานในปี 2562 นี้จะเติบโตกว่าปี 2561 ที่ผ่านมา
ขณะที่การขยายการลงทุนไปต่างประเทศนั้น บริษัทฯ ก็มีความสนใจ แต่ยังเห็นว่าโครงการต่างๆในประเทศไทยก็ยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จึงมุ่งเน้นการทำงานในประเทศมากกว่า นอกจากนี้การทำงานในต่างประเทศยังมีความแตกต่างทั้งทางด้านการทำงาน บุคลากร รวมไปถึงกฎหมายต่างๆ ซึ่งยังต้องใช้เวลาศึกษาเป็นระยะเวลานาน" นายศักดิ์บวร กล่าวเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 2/2562 บริษัทฯ มีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) กว่า 2,739 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้ในปี 2-3 ปี ทั้งนี้คาดว่าจะรับรู้ในปีนี้ประมาณ 30-40% และจะรับรู้ในปี 2563 อีกประมาณ 40-45%
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2559 – 2561 บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 451.36 ล้านบาท 530.29 ล้านบาท และ 1,007.12 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิปี 2559 - 2561 จำนวน 43.14 ล้านบาท 63.91 ล้านบาท และ 94.56 ล้านบาท ตามลำดับ โดยรายได้หลักของบริษัทฯ มาจากรายได้จากธุรกิจก่อสร้างศูนย์ข้อมูลและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ รองลงมาเป็นรายได้จากธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและโครงข่ายโทรคมนาคม
ขณะที่งวดหกเดือนปี 2561 และปี 2562 บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 452.66 ล้านบาท และ 577.68 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิจำนวน 31.18 ล้านบาท และ 46.57 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน