Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews: KTC กำไรโค้ง3 ทะยาน 846.06 ลบ. NPL วูบเหลือ1.46% 3 เทพหุ้น เชียร์ซื้อ เป้าไกล 160 บ.

1,146

 
 
 
 
 
 
HotNews: KTC กำไรโค้ง3 ทะยาน 846.06 ลบ. NPL วูบเหลือ1.46% 
3 เทพหุ้น เชียร์ซื้อ  เป้าไกล 160 บ. 


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(  18 ตุลาคม  2560 ) -------- KTC ประกาศงบ Q3/60 กำไรพุ่งทะยาน  846.06 ลบ. งวด 9 เดือน กำไรทะลุ 2.36 พันลบ.โต 28%   NPL  ลดลงเหลือ 1.46% จาก 1.66%  ณ สิ้นปี 59 คาดรักษาระดับ NPL อยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง ยันเป้าอัตราเติบโตกำไรปีนีที้่ 10% 3 เทพหุ้น เชียร์ซื้อ บล.บัวหลวง เคาะเป้า 160 บาท ,บล.ฟินันเซีย ไซรัส  ให้เป้า  146 บาท , บล.เคทีบี  ส่องเป้า  135 บาท 

บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC   รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3/60มีกำไรสุทธิ 846.06 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่กำไรสุทธิ 639.61 ล้านบาท งวด 9 เดือน มีกำไรสุทธิ 2,365.25 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,854.49 ล้านบาท บริษัทมีกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกปี 2560 เพิ่มขึ้น 28%
  กำไรสุทธิเก้าเดือนแรกปี 2560 ทั้งสิ้น 2,365 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% หรือมีกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 9.17 บาท เป็นผลจากความสามารถในการสร้างรายได้จากธุรกิจหลัก การจัดการค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้ดีตลอดจนประสิทธิภาพในการติดตามหนี้
รายได้เก้าเดือนแรก เท่ากับ 14,421 ล้านบาท เติบโตจากรายได้ดอกเบี้ยของบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลที่ 6% และ 19% ตามลำดับรวมถึงหนี้สูญได้รับคืนเพิ่มขึ้น ที่ 19% และจากรายได้ค่าธรรมเนียม (ไม่รวมค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงิน) ที่เพิ่ม 11% ส่วนใหญ่มาจากรายได้ส่วนลดร้านค้า รายได้ค่าธรรมเนียม Interchange และรายได้ค่าธรรมเนียมจากการเบิกเงินสดล่วงหน้า
ในด้านค่าใช้จ่ายการบริหารงานสำหรับเก้าเดือนแรกมีจำนวน5,242 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เพิ่มจากค่าธรรมเนียมจ่ายที่สูงขึ้น 10% จากค่าธรรมเนียมที่จ่ายให้แก่บริษัทภายนอกในการใช้บริการติดตามทวงหนี้และค่าธรรมเนียมจ่าย Interchange ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายการตลาดเก้าเดือนลดลง 18% (yoy)จากการที่บริษัทใช้งบทางการตลาดไม่มากนักเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า 
อย่างไรก็ตามบริษัทมีแผนการใช้งบการตลาดที่มากขึ้น ในไตรมาสสุดท้ายของปี2560 นี้ สำหรับหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น 16% (yoy) ทั้งจากการตัดหนี้สูญและจากการตั้งสำรองตามการขยายตัวของพอร์ตรวมที่เพิ่มขึ้น10% หรือ 6,487 ล้านบาท (ผลต่างลูกหนี้รวม ณ ไตรมาส 3 ปี 2559 และปี 2560) บริษัทมีนโยบายที่ต้องการบริหารต้นทุนเงินให้เกิดประโยชน์สูงสุด จากต้นทุนที่ยังคงอยู่ต่ำในช่วงนี้โดยการเพิ่มสัดส่วนของเงินกู้ระยะยาวมากขึ้น อีกทั้งมีการออกหุ้นกู้ใหม่ชดเชยหุ้นกู้ที่ครบกำหนดด้วยอายุหุ้นกู้ที่มีระยะยาวกว่าเดิมด้วย ประกอบกับมูลค่าพอร์ตลูกหนี้รวมที่เพิ่มขึน้ เป็นผลให้ค่าใช้จ่ายทางการเงินสำหรับงวดเก้าเดือนเพิ่มขึ้น ที่ 9% เมื่อเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
บริษัทยังคงความสามารถในการเติบโตด้านรายได้และขยายฐานการทำกำไรจากยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรที่เติบโตขึ้นและจากยอดลูกหนี้ทั้ง ธุรกิจบัตรเครดิตและธุรกิจสินเชื่อบุคคลที่ขยายตัว รวมถึงยังคงสัดส่วนหนีที้่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงเดิม แม้จะต้องพบความท้าทายใหม่ๆ
สำหรับปีนี้แม้ว่าจะมีความท้าทายจากการแข่งขันที่ค่อนข้างสูงและการเปลี่ยนแปลงของกฎเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ได้ประกาศใช้เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2560 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการปรับอัตราดอกเบี้ยที่เรียกเก็บ สำหรับหนี้ค้างชำระในธุรกิจบัตรเครดิตลดลงจาก 20% เป็น18% นั้น จะมีผลต่อการรับรู้รายได้ดอกเบี้ยของธุรกิจบัตรเครดิตในไตรมาสสุดท้ายของปี 2560 เต็มไตรมาส ซึ่งอาจจะเป็นผลให้รายได้จากธุรกิจบัตรเครดิตเติบโตได้ช้าลง 
        อย่างไรก็ตามเคทีซี ยังคาดว่าจะสามารถคงเป้าอัตราเติบโตกำไรของปีนี้ที่ 10% จากปีก่อนหน้าเช่นเดิมตามที่ได้ประมาณการไว้  ขณะที่สามารถควบคุมคุณภาพพอร์ตลูกหนีดี้ต่อเนื่อง NPL ลูกหนี้รวมของบริษัทอยู่ที่ 1.46% ลดลงจาก 1.66% ณ สิ้นปี 59 อีกทั้งลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ 1.86% บริษัทคาดว่าจะยังสามารถรักษาระดับ NPL ให้อยู่ในระดับต่ำได้อย่างต่อเนื่อง

ด้านบล.บัวหลวง ระบุในบทวิ้คราะห์หลักทรัพย์ว่าKTC รายงานกำไรไตรมาส3/60 อยู่ที่ 846 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% YoYและ 8% QoQ ซึ่งสูงกว่าที่เราและตลาดคาด 23% เนื่องจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่เราคาดการณ์ KTC ประกาศส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่23.15% สำหรับไตรมาสนี้ จากที่เราคาดว่าจะอยู่เพียง 22.75% กำไรจากการดำเนินงานที่ไม่รวมสำรองหนี้เสียอยู่ที่ 1.97 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 15%YoY และทรงตัว QoQ กำไร 9 เดือนแรก อยู่ที่ 2.37 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น28% YoY คิดเป็น 86% ของประมาณการกำไรปี 2560 เดิมที่ 2.75พันล้านบาท
ประเด็นหลักผลประกอบการ
สินเชื่อรวมสุทธิอยู่ที่ 6.87 หมื่นล้านบาทในปลายเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 10%YoY เนื่องจากสินเชื่อรายบุคคลเพิ่มขึ้น 18% YoY ซึ่งบ่งชี้ถึงการที่ KTCขยายการปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งให้ผลตอบแทนประมาณ 24-28%(เทียบกับอัตราบัตรเดคดิตที่อยู่เพียงแค่ 18%) ทั้งนี้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยในไตรมาส 3/60 อยู่ที่ 23.15% และทรงตัว QoQ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอยุ่ที่ 1.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% YoY และ 4% QoQKTCตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญฯสุทธิที่ 914 ล้านบาทสำหรับไตรมาสนี้ ทรงตัว YoY แต่ลดลง 8% QoQ (เป็นไปตามที่เราคาดการณ์) สัดส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมในปลายเดือน ก.ย. อยู่ที่ 1.46% ลดลงจาก 1.57% ในสามเดือนก่อนหน้านี้ อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในปลายเดือนมิ.ย.อยู่ที่ 565% ของหนี้เสียเพิ่มขึ้นจาก 528% ณ สิ้นเดือน มิ.ย. KTC มียอดบัญชีบัตรเครดิตรวมที่2.22 ล้านบัตร เพิ่มขึ้น 9.0% YoY ในขณะที่บัญชีสินเชื่อส่วนบุคคลรวมอยู่ที่ 8.5 แสนบัญชี เพิ่มขึ้น 7% YoY
แนวโน้ม
เราคาดว่าการเติบโตของกำไรจะเพิ่ม 7% YoY อยู่ที่ 685 ล้านบาท ในไตรมาส 4/60 หนุนโดยการปล่อยสินเชื่อที่ดีต่อเนื่องและการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมของปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรที่ฟื้นตัวต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน
สิ่งที่เปลี่ยนแปลง
ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของ KTC ปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากการขยายธุรกิจปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งให้ผลตอบแทนสูงกว่าบัตรเครดิต เราจึงปรับเพิ่มคาดการณ์ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ 22.98% ในปี 2560 ( จาก22.48%) และ 23.04% (จาก 22.70%) สำหรับปี 2561 ผลดังกล่าวทำให้เราปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรขึ้น 11% ในปี 2560 มาอยู่ที่ 3.05 พันล้านบาท และเพิ่ม 10% ในปี 2561 มาอยู่ที่ 3.3 พันล้านบาท
คำแนะนำ
KTC ได้พิสูจน์ความสามารถในการปรับตัวหลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงกฏระเบียบของธนาคารกลางที่เข้มมากขึ้น (การปล่อยสินเชื่อที่เคร่งครัดขึ้นแก่ธุรกิจบัตรเครดิจและลูกค้าสินเชื่อส่วนบุคคล) รวมทั้งมีการตั้งค่าสำรองเพื่อหนี้สูญที่สูง กอปรกับสัดส่วนหนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมที่1.46% ทั้งนี้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการขยายธุรกิจที่แข็งกร้าวจะส่งผลให้กำไรของปีหน้าสูงขึ้น เราจึงปรับราคาเป้าหมายของ KTC เป็น160 บาทสำหรับปี 2561 อ้างอิงจากค่า PVB ที่ 2.83 เท่า และยังคงคำแนะนำไว้ที่ "ซื้อ"


บล.ฟินันเซีย ไซรัส ออกบทวิเคราะห์เปิดเผยว่า   KTC รายงานกำไรสุทธิ 3Q17 ที่ 846 ลบ. +7.6%Q-Q และ +32%Y-Y ดีกว่าที่เราและตลาดคาดไว้ และเป็นกำไรที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจาก 1. รายได้ดอกเบี้ยสุทธิดีกว่าคาด แม้ว่ามีผลของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตในเดือน ก.ย. แต่สัดส่วนสินเชื่อบุคคลที่เป็น High-yield สูงขึ้นเป็น 38% ของพอร์ตจาก 34% ในไตรมาสก่อน 2.  รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยสูงกว่าคาด จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียม และหนี้สูญรับคืน ขณะที่ควบคุมค่าใช้จ่ายอื่นๆได้ดี 
สินเชื่อบุคคลปรับขึ้นมาแรง ขณะที่ NPL ปรับตัวลงต่อเนื่อง
เงินให้สินเชื่อเพิ่มขึ้น 2.2%Q-Q แต่ทรงตัว YTD การเพิ่มขึ้นของสินเชื่อในไตรมาสนี้มาจากสินเชื่อบุคคล ซึ่ง +7%Q-Q และสัดส่วนสูงขึ้นเป็น 38% ของสินเชื่อรวม จาก 32% ในปี 2016 
NPL Ratio อยู่ที่ 1.46% แบ่งเป็น NPL Ratio ของธุรกิจบัตรเครดิตที่ 1.20% ของสินเชื่อบัตรเครดิต และ 0.82% สำหรับสินเชื่อบุคคล
คงคำแนะนำ ซื้อ ปรับมาใช้ราคาเหมาะสมปี 2018 ที่ 146 บาท คงคำแนะนำ ซื้อ
กำไรสุทธิ 9M17 อยู่ที่ 2,365 ลบ. (+27.5%Y-Y) แนวโน้มกำไร 4Q17 มีโอกาสชะลอตัวลงจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตเต็มไตรมาสและค่าใช้จ่ายทางการตลาดตามฤดูกาล แม้กระนั้นเราปรับเพิ่มประมาณการปี 2017 ขึ้น 10% จากกำไร 3Q17 ที่ดีกว่าคาด เป็น 3 พันลบ. (+22%Y-Y) และคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2018 ที่ 3.1 พันลบ. +3.3%Y-Y ปรับมาใช้ราคาเหมาะสมปี 2018 ที่ 146 บาท (อิง PER 12 เท่า ~ Hist PER) คงคำแนะนำ ซื้อ

    บล.เคทีบี   ออกบทวิเคราะห์ แนะนำซื้อ   KTC รายงานกำไรสุทธิ 3Q17 ที่ 846 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.3%YoY และ 7.6%QoQ สูงกว่าที่ตลาดคาด 17.2% จากการขยายตัวของสินเชื่อที่ดีขึ้น แม้จะมีข้อบังคับของ ธปท. ใหม่ในเดือน ก.ย. รวมทั้งรายได้จากหนี้สูญรับคืนที่เพิ่มขึ้นสูง, ค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่ลดลง และการตั้งสำรองลดลงตามคุณภาพสินเชื่อที่ดีขึ้น โดย ณ 3Q17 บริษัทมี NPLs รวมอยู่ที่ 1.46%  (แบ่งเป็นสินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคลที่ 1.20% และ 0.82% ตามลำดับ ) ลดลงจากไตรมาสก่อนที่อยู่ที่ 1.57% เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเหมาะสม 135.00 บาท (อิง PBV ที่ 2.5x)
   KTC รายงานกำไรสุทธิ 3Q17 ที่ 846 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.3%YoY และ 7.6%QoQ สูงกว่าที่ตลาดคาด 17.2% จากรายได้ดอกเบี้ย (ไม่รวมค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน) เพิ่มขึ้น 11.7%YoY และ 4.2%QoQ และรายได้จากหนี้สูญรับคืนที่เพิ่มขึ้น 27.7%YoY และ 12.2%QoQ กอปรกับอัตราส่วน Cost to income ลดลงจากปีก่อนที่ 50.1% เป็น 47.9% แต่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ 46.9% ตามค่าใช้จ่ายทางการตลาดเป็นหลัก (-9.8%YoY +8.7%QoQ) ในขณะที่บริษัทมีการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นน้อยลงที่ 7.9%YoY และ 0.2%QoQ ตามคุณภาพสินเชื่อที่ดีขึ้น 
    สินเชื่อสุทธิรวม 3Q17 ขยายตัวเพิ่มขื้นที่ 4.2%YTD มาจากการขยายตัวของสินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคลที่ 2.2%YTD และ 8.2%YTD ตามลำดับ ซึ่งสอดคล้องกับจำนวนผู้ใช้งานที่มากขึ้น และการใช้จ่ายผ่านบัตรของบริษัทที่ยอดสะสม 8 เดือน (ม.ค.-ส.ค.) อยู่ที่ 6.9% สูงกว่าอุตสาหกรรมที่ 3.8% นอกจากนี้คุณภาพสินเชื่อของบริษัทยังดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย ณ 3Q17 บริษัทมี NPLs รวมอยู่ที่ 1.46%  (แบ่งเป็นสินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคลที่ 1.20% และ 0.82% ตามลำดับ ) ลดลงจากไตรมาสก่อนที่อยู่ที่ 1.57% ส่งผลให้บริษัทมี NPLs Coverage Ratio ที่สูงขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ 528.4% เป็น 564.7%  
  แม้กำไรสุทธิ 9 เดือนแรกคิดเป็น 87% ของกำไรสุทธิของปี 2017 ที่เราประมาณการ เรามองว่าบริษัทยังคงมีความเสี่ยงในการดำเนินงานในอนาคตจากข้อบังคับ ธปท. ที่มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. ที่ผ่านมา ทั้งจากโอกาสในการขยายจำนวนผู้ใช้บัตรเพิ่มขึ้น และรายได้ดอกเบี้ยรวมค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินของบัตรเครดิตที่ลดลงจาก 20% เป็น 18% ส่งผลให้เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเหมาะสม 135.00 บาท (อิง PBV ที่ 2.5x) ตามการขยายตัวของสินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อบุคคลที่มีคุณภาพดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญอย่างเพียงพอ 



---จบ---

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

GUNKUL ลุยขยายพอร์ตพลังงานทดแทน

GUNKUL ลุยขยายพอร์ตพลังงานทดแทน

ติดตาม By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ หลังจาก นายกฯคุยกับนายแบงก์ วันนี้ สมาคมธนาคารไทย ก็ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อย...

รายงานพิเศษ : ได้เวลา "SPREME" ผู้นำธุรกิจ System Integrator ครบวงจร ลุยระดมทุน ติดปีกธุรกิจ High Growth

ได้เวลา "SPREME" ผู้นำธุรกิจ System Integrator ครบวงจร ลุยระดมทุน ติดปีกธุรกิจ High Growth

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้