
HotNews : PF เฉือนเป้ารายได้ปีนี้เหลือ 2.51 หมื่นลบ. จาก 2.61 หมื่นลบ. จากผล LTV
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 6 มิถุนายน 2562 ) PF หั่นเป้ารายได้ปีนี้เหลือ 2.51 หมื่นลบ. จากเดิมตั้งเป้า 2.61 หมื่นลบ. หลัง Q2/62 ชะลอรับผลกระทบ LTV - วันหยุดเยอะ พร้อมคาดปิดดีลขายหุ้น ROH สัดส่วน 40% ให้ผู้ที่สนใจ ราคาขาย 74-80 บ./หุ้น ภายในปีนี้ พร้อมบุ๊คกำไรพิเศษทันที หวังนำไปชำระหนี้เงินกู้

นายธีรธัชช์ สิงห์ณรงค์ธร ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มสนับสนุน บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ปรับลดเป้ารายได้ปี 2562 เหลือ 25,115 ล้านบาท จากเดิมคาดทำได้ 26,155 ล้านบาท เเนื่องจากบริษัทฯคาดว่าแนวโน้มยอดขายในไตรมาส2/2562 จะชะลอตัวลง หลังได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมสินเชื่อบ้าน (LTV) ประกอบกับในช่วงเดือนเมษายน-เดือนพฤษภาคม มีวันหยุดที่ค่อนข้างมากส่งผลให้พนักงานขายมีเวลาปฏิบัติงานน้อย
พร้อมันนี้บริษัทฯได้ปรับลดสัดส่วนเป้ารายได้ในกลุ่มบ้านเดี่ยวและทาว์เฮาส์เหลือ 10,400 ล้านบาท จากเดิมคาดว่าจะทำได้ 11,400 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นจาก PF จำนวน 1,000 ล้านบาท จาก บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) GRAND จำนวน 400 ล้านบาท ส่วนคอนโดมิเนียมบริษัทฯคาดว่าจะมีรายได้ จำนวน 7,900 ล้านบาท แบ่งเป็น จาก PF จำนวน 6,200 ล้านบาท จากโครงการที่ญี่ปุ่น จำนวน 1,000 ล้านบาท และจาก GRAND จำนวน 7000 ล้านบาท

ด้านธุรกิจโรงแรม บริษัทฯคาดว่าจะมีรายได้ 4,500 ล้านบาท แบ่งเป็น จากโรงแรมในประเทศ จำนวน 3,000 ล้านบาท และโรงแรมในญี่ปุ่น จำนวน 1,500 ล้านบาท ขณะที่รายได้จากการขายที่ดินบริษัทฯคาดว่าจะทำได้ 2,100 ล้านบาท โดยเป็นที่ดินของบริษัทฯเองที่จะจำหน่ายให้แก่พันธมิตรที่ดำเนินธุรกิจผ่านการร่วมทุน ส่วนรายได้จากค่าเช่าและบริการคาดว่าจะทำได้ 215 ล้านบาท
สำหรับยอดขายปีนี้ บริษัทฯตั้งเป้าไว้ที่ 22,400 ล้านบาท โดยเป็นยอดขายจากกลุ่มบ้านเดี่ยว จำนวน 12,400 ล้านบาท แบ่งเป็นจาก PF จำนวน 12,000 ล้านบาท และจาก GRAND Villas จำนวน 400 ล้านบาท ส่วนยอดขายจากกลุ่มคอนโดมิเนียม คาอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นจาก PF จำนวน 5,000 ล้านบาท จาก GRAND จำนวน 3,000 ล้านบาท และจาก Yu Ruay จำนวน 2,000 ล้านบาท โดยในไตรมาส1/2562 บริษัทฯสามารถทำยอดขายได้แล้ว 18% ของยอดขายรวมทั้งหมด หรือ 4,114 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่คาดไว้ อย่างไรก็ตามบริษัทฯมองว่าในครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้นหลังผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส2/2562ที่มีวันหยุดยาวไปแล้ว

ขณะที่ปีนี้บริษัทฯมีแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งสิ้น 17 โครงการ มูลค่ารวม 39,345 ล้านบาท โดยเป็น โครงการจาก PF จำนวน 14 โครงการ มูลค่ารวม 18,645 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยวและทาว์เฮาส์ 13 โครงการ มูลค่า 16,345 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียม 1 โครงการ มูลค่า 2,300 ล้านบาท ส่วนโครงการจาก GRAND ASSET จะเปิดจำนวน 3 โครงการ แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการ มูลค่า 18,400 ล้านบาท และโครงการบ้านพักตากอากาศ(villa) 1 โครงการ มูลค่า 2,300 ล้านบาท โดยภายในไตรมาส 2/2562 บริษัทฯเตรียมเปิด 4 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 4,600 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยว 2 โครงการ และทาว์เฮาส์ 2 โครงการ หลังจากไตรมาส1/2562 บริษัทฯได้เปิดไปแล้ว 4 โครงการ
ปัจจุบัน บริษัทฯมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 7,338 ล้านบาท และสามารถรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ 5,364 ล้านบาท แบ่งเป็น จากบ้านเดี่ยว 1,310 ล้านบาท และจากคอนโดมิเนียม 3,054 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยโอนในปี2563 จำนวน 1,385 ล้านบาท และโอนในปี 2564 จำนวน 589 ล้านบาท และบริษัทฯยังมีสต็อกพร้อมขายเป็นคอนโดมีเนียม จำนวน 8,000 ล้านบาท และบ้านเดี่ยว 3,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯพยายามที่จะเร่งระบายสต็อกดังกล่าวด้วยเช่นกัน
นายธีรธัชช์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)หรือ GRAND ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ มีแผนขายหุ้น บริษัท โรงแรมรอยัล ออคิด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)หรือ ROH ในสัดส่วน 40% จากที่ปัจจุบัน GRAND ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วน 98.48% โดย GRAND จะขายหุ้นของ ROH ให้แก่พาร์ทเนอร์ที่สนใจในราคา 75-80 บาท/หุ้น โดยปัจจุบันมีการเจรจากับพาร์ทเนอร์อยู่ 1-2 ราย
โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้ ซึ่งหลังจากจำหน่ายแล้วบริษัทฯจะบันทึกเป็นส่วนแบ่งกำไรจากการขายในทันที และจะนำเงินที่ได้จากการขายมาชำระหนี้เงินกู้ จำนวน 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯมีอัตราหนี้สินต่อทุน(D/E) ลดลงเหลือ 1.6 เท่า จากปัจจุบัน 1.9 เท่า ส่วนเงินที่เหลือบริษัทฯจะนำไปเป็นเงินทุนหมุนเวียน

กูรูดีบีเอสฯ แนะซื้อ PF ราคาเป้าหมาย 1.07 บาท/หุ้น
บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ออกบทวิเคราะห์เปิดเผยว่า ปรับประมาณการปีนี้และปี 63 ให้สูงขึ้นมาก เพราะกำไรสุทธิ 1Q62 เป็นสัดส่วนถึง 156% จากประมาณการเดิมแล้ว จึงปรับคาดการณ์กำไรปีนี้และปี 63 ดีขึ้นในอัตรา 112%/99% สมมุติฐานที่ปรับให้ดีขึ้นคือ รายได้รวม อัตรากำไรขั้นต้น ส่วนหักผู้ถือหุ้นส่วนน้อยกลับเป็นบวก ขาดทุนตามส่วนได้เสียลดลง และอัตราภาษีเงินได้ก็ปรับลดลงเช่นกัน หากเปรียบเทียบ y-o-y กำไรสุทธิปีนี้และปี 63 เป็นสถิติสูงสุดใหม่ตั้งแต่ปี 49 และเติบโตในเกณฑ์สูงคือ +193%/+13% ตามลำดับ
คาดว่ากำไร 1Q62 เป็นไตรมาสที่ดีสุดของปี หลังปรับประมาณการ กำไร 1Q62 เป็นสัดส่วน 72% จากประมาณการทั้งปี 62 แนวโน้มกำไร 2Q62 จะอ่อนลงกว่า q-o-q เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อใหม่ของ ธปท. (LTV) ซึ่งเริ่มใช้ตั้งแต่ 1 เม.ย.62 รวมทั้งมีวันหยุดมาก ยอดขายและยอดโอน จึงอ่อนลง รวมทั้งธุรกิจโรงแรมเข้าสู่โลว์ซีซัน ทางบริษัทจึงจะใช้กลยุทธ์ขายที่ดินเปล่า นำกำไรมาช่วยเสริม ทั้งนี้เราคาดว่ารายได้ขายที่ดินเปล่าตลอดปีนี้รวมเป็น 1,570 ล้านบาท สำหรับ 2Q62 บริษัทคาดว่าจะขายที่ดินเปล่าในส่วนบริษัทเอง 100 ล้านบาท และขายเข้า JV กับฮ่องกงแลนด์ราว 500 ล้านบาท รวมเป็น 600 ล้านบาท เทียบ y-o-y มีรายได้ส่วนนี้ที่ 265 ล้านบาท

งวด 4Q62 เตรียมโอนคอนโดที่ญี่ปุ่นและบ้านประชารัฐ สำหรับคอนโดที่ญี่ปุ่นใกล้โรงแรม Kiroro คือ YU Kiroro มีมูลค่าขายทั้งหมด 4 พันล้านบาท ปัจจุบันขายได้ 1.5 พันล้านบาท คาดว่าจะโอนใน 4Q62 ที่ 1.0 พันล้านบาทเศษ ส่วนบ้านประชารัฐ ที่ PF ทำคือ บ้านอยู่รวย ปัจจุบันมียอดขายราว 400 ล้านบาท ก็จะโอนได้ใน 4Q62 เช่นกัน นอกจากนี้โครงการบ้านแนวราบที่ร่วมทุน (JV) ก็จะโอนได้เร็วกว่าคอนโดตามการก่อสร้าง ได้แก่การร่วมทุนกับ 2 เจ้าคือ Sekisui และฮ่องกงแลนด์ (HKL) จึงทำให้ส่วนขาดทุนตามส่วนได้เสียไม่มาก และกลับมาเป็นกำไรได้เร็วเมื่อโอนกรรมสิทธิ์
คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐานใหม่ปรับขึ้นเป็น 1.07 บาท หลังปรับประมาณการเพิ่ม และประเมินด้วย P/BV ปี 62 ที่ 0.7 เท่า คาดว่ากำไรปี 62-63 เป็นสถิติสูงสุดใหม่ตั้งแต่ปี 49 ข้อดีของประมาณการที่เพิ่มคือ P/E ปี 62 คาดว่าจะลดลงเป็น 7.4 เท่า ลดลงจากปี 61 ที่ 12.3 เท่า อีกทั้งการซื้อขายด้วย P/BV เพียง 0.5 เท่า ดึงดูดใจให้ถูกทำ M&A ได้ในอนาคต และเป็นหลักทรัพย์ที่จ่ายปันผลสูง คาดการณ์อัตราผลตอบแทนเงินปันผลงวดปีนี้และปี 63 ที่ 8.4% และ 8.6% ตามลำดับ ด้านความเสี่ยงคือ ใช้เงินกู้มาก อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน (Net Gearing) 1Q62 เป็น 1.9 เท่า
PF