4 โบรกฯ ส่อง "SECURE" ไอพีโอน้องใหม่ สุดฮอต! ผู้นำความปลอดภัยทางด้านไซเบอร์ของเมืองไทย เข้าเทรดตลาดหลักทรัพย์ mai ในวันที่ 1 ก.ค.นี้ มาพร้อมปัจจัยพื้นฐานแกร่ง โตไปกับเมกะเทรนด์ดิจิทัล ประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 20-24.20 บาท/หุ้น คาดกำไรปี 64 โตเท่าตัว จับตาโปรดักส์ใหม่ ซอฟท์แวร์รองรับ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หนุนผลงานโตติดปีก ในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า

บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จํากัด เผยแพร่บทวิเคราะห์หุ้น บริษัท เอ็นฟอร์ซ ซีเคียว จำกัด (มหาชน) (SECURE) น้องใหม่ไอพีโอที่เตรียมเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 นี้ ประเมินมูลค่าเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 24.20 บาท/หุ้น อิง PER 30.4 เท่า อิงสมมติฐานกรณีอนุรักษ์นิยม (fully dilute รวม ESOP warrant จํานวน 3 ล้านหุ้น) จะคิดเป็น EPS ปี 2565 ที่ 0.80 บาท/หุ้น

“เราประเมินราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 24.20 บาท/หุ้น อิง PER ที่ 30.4 เท่า หรือเท่ากับค่าเฉลี่ยหุ้นในกลุ่ม ICT ขนาดเล็กที่ให้บริการ Software ในประเทศไทยและหุ้น Distributor ที่เป็นคู่แข่ง”

SECURE เป็นตัวแทนจําหน่ายระบบรักษาความปลอดภัยระดับโลก เป็นตัวแทนจัดจําหน่าย Hardware และ Software ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยทางเทคโนโลยีไซเบอร์ (Cyber security) ให้กับ Vendors ระดับโลก เช่น บริษัท Palo Alto Networks บริษัท Trend Micro บริษัท Solar Winds และบริษัท Radware เป็นต้น  โดยมีสัดส่วนรายได้กว่า 80% มาจากการขายระบบรักษาความปลอดภัยบนเครือข่าย (Network Security) และระบบรักษาความปลอดภัยในอุปกรณ์ให้กับผู้ใช้งานโดยตรง (Endpoint Security)

โดยลูกค้าของบริษัทฯ ส่วนใหญ่คือผู้รับเหมาวางระบบ (System Integrator หรือ SI) ขนาดใหญ่ เช่น บริษัท เอ็น ทีที โซลูชั่น (ประเทศไทย) จํากัด หรือ บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  โดยบริษัทฯมีส่วนแบ่งการตลาดในตลาด Cyber security  ที่ราว 20% และมีอัตรากําไรสุทธิเฉลี่ยอยู่ในระดับผู้นําอุตสาหกรรมที่ราว 10%

นอกจากนี้ ในวันที่ 1 เม.ย. 2564  ได้ร่วมลงทุนกับบริษัท เดต้า ว้าว จํากัด ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้าน Artificial Intelligences และระบบจัดการฐานข้อมูล เพื่อจัดตั้งบริษัท เอ็นเดต้าธอธ จํากัด โดยบริษัทฯถือหุ้น 55% บริษัทใหม่นี้  SECURE ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์เป็นของตนเอง เพื่อนําเสนอลูกค้าในประเทศที่มีความต้องการ Software เพื่อรองรับ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ซึ่งเป็นก้าวที่ต้องจับตา เพราะเป็นการก้าวจาก Distributor มาสู่ Localize Vendor คาดรายได้ที่ 20 ล้านบาท/ปี ในปีแรก และเติบโตอย่างน้อย 30% ต่อปี

"เราคาดกําไรปกติปี 2564/2565 ที่ 71 ล้านบาท (+134%YoY) และ 84 ล้านบาท (+18%YoY) ตามลําดับ หนุนจากการเติบโตของความต้องการสินค้ากลุ่ม Network Security ที่เข้าสู่วัฏจักรขาขึ้นในยุค 5G ประมาณการของเรามี Upside Risk จากการเติบโตของบริษัทร่วมทุนที่เพิ่งจัดตั้งเพื่อ เน้นงานด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และการเข้าซื้อกิจการอื่นๆ เพิ่มเติมในอนาคต"

บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มองว่า SECURE ได้ประโยชน์จากแนวโน้มขาขึ้นของอุปสงค์จากกลุ่มลูกค้า และโอกาสขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องในระยะยาว คาดผลการดําเนินงานปี 2564 เติบโตก้าวกระโดด จากแรงหนุนของยอดขาย อัตรากําไร และค่าใช้จ่าย SG&A ลดลง และขยายตัวแข็งแกร่ง 16-25% ในปี 2565-2566 โดยประมาณการอัตรากําไรสุทธิ (NPM) สูง 10-11%  ส่วน ROE สูงระดับใกล้เคียงหุ้นผู้ประกอบการกลุ่มจัดจําหน่ายสินค้าเทคโนโลยีในประเทศ

"SECURE นับเป็นตัวแทนของหุ้นที่ดําเนินธุรกิจเกี่ยวกับ Cybersecurity โดยตรง อีกทั้งแนวโน้มธุรกิจที่โดดเด่น จึงควรซื้อขายที่พรีเมี่ยมโดยเปรียบเทียบ ประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 64 ที 22.50 บาท/หุ้น อิง Prospective P/E 30x สูงกว่าค่าเฉลี่ย Peer ที่ใช้อ้างอิง"

บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย ซีมิโก้ จำกัด ระบุว่า การเป็นคู่ค้ากับเจ้าของผลิตภัณฑ์ระดับชั้นนำของโลก และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของตนเอง จะเสริมศักยภาพการแข่งขันรองรับความต้องการขาขึ้นของการใช้จ่ายเพื่อป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ ทั้งยังสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว  เราคาดว่ากำไรสุทธิต่อหุ้นของ SECURE จะเติบโตเฉลี่ย 48% ต่อปีในปี 2564-2566 โดยประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 2564  ที่ 22.20 บาท/หุ้น อิง PER  25 เท่า

ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ประเมินมูลค่าหุ้นปี 64 ยึด PER 64 ที่ 30.0 เท่า ใกล้เคียง Peers หุ้นที่เติบโตไปกับธีมดิจิตอลในตลาดฯ ที่ 29.7 เท่า ได้มูลค่าพื้นฐานปี 2564 อยู่ที่ 20.0 บาท

“เงิน IPO หลักๆ จะใช้ต่อยอดธุรกิจบริการซอฟท์แวร์ ภายใต้โมเดลสมาชิก (Subscription Model) เพื่อสร้างรายได้ประจำ โดยมีกิจการร่วมค้าเป็นผู้พัฒนา ภายใต้พันธมิตรที่มีจุดแข็งเรื่องการพัฒนาซอฟท์แวร์ ขณะที่ SECURE มีลูกค้าและทีมสนับสนุน จะเริ่มจากการต่อยอดซอฟท์แวร์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กรในการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งคาดว่าจะเริ่มให้บริการในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ที่เหลือจะใช้สนับสนุนฐานธุรกิจตัวแทนจำหน่ายให้ยังคงเติบโตไม่ต่ำกว่าภาพรวม ทั้งหมดคาดหนุนกำไรปี 2564-2566 เติบโตถึงปีละ 67.8%”