Today’s NEWS FEED

สัมภาษณ์/รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ : "โออาร์" โอกาสเติบโตไร้ขีดจำกัด

13,401

 

วันที่ 1 กรกฎาคม 2561  ถือเป็นวันที่มีความสำคัญกับ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ ที่ได้ก้าวออกมาจากอ้อมอกของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เช่นเดียวกับธุรกิจหลักอื่นๆ ภายหลังการปรับโครงสร้างกลุ่ม ปตท. ได้แก่ ธุรกิจผลิตและสำรวจปิโตรเลียม ธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น และธุรกิจสาธารณูปโภคและผลิตไฟฟ้า ทั้งนี้ ก็เพื่อเพิ่มศักยภาพและความคล่องตัวในการแข่งขันของ โออาร์ ที่เป็นธุรกิจปลายน้ำของกลุ่ม ปตท. โดยครองมาร์เก็ตแชร์อันดับ 1 ในธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน ก๊าซหุงต้ม และผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น อย่างต่อเนื่อง

 

 

 

บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ ดำเนินธุรกิจน้ำมันและค้าปลีก ในฐานะเป็นบริษัทแกนนำ (Flagship) ของกลุ่ม ปตท. โดยมีเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจและแสวงหาโอกาสในการเติบโต มุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าและบริการเพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้ผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึง พร้อมทั้งช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อย (SME) ในการดำเนินธุรกิจน้ำมันและธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่นๆ (Non-Oil) รวมถึงสร้างการมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีแก่สังคมและชุมชน 

 

ธุรกิจหลักของ โออาร์ แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่

 

1.) ธุรกิจน้ำมัน (Oil) ซึ่งประกอบไปด้วย สถานีบริการน้ำมัน PTT Station ที่มีกว่า 1,900 สถานีทั่วประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2563) การจัดจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงให้กับลูกค้าต่างๆ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม กลุ่มอากาศยานและเรือขนส่ง นอกจากนี้ยังจัดจำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) และผลิตภัณฑ์หล่อลื่น PTT Lubricants

 

2.) ธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ (Non-Oil) เช่น ร้าน Café Amazon ร้านไก่ทอดเท็กซัส ชิคเก้น (Texas Chicken) ศูนย์บริการยานยนต์ (FIT Auto) ร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่ (Jiffy) และร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ในสถานีบริการน้ำมัน

 

3.) ธุรกิจต่างประเทศ ซึ่งเป็นการต่อยอดความสำเร็จของธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน PTT Station และร้าน Café Amazon ซึ่งปัจจุบัน โออาร์ ได้ขยายไปยัง 10 ประเทศ ได้แก่ ฟิลิปปินส์ กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม จีน สิงคโปร์ โอมาน ญี่ปุ่น และมาเลเซีย

 

 

 

 

ปัจจุบัน โออาร์ มีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) (ก่อนหักรายการระหว่างกัน) สำหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2563 จากธุรกิจน้ำมันมากกว่า 68.7% อีก 25.1%  มาจากธุรกิจ Non-Oil และ 5.8%  มาจากธุรกิจต่างประเทศ

 

 

 

 

ด้านคุณจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่  โออาร์  เปิดเผยว่า  โออาร์ อาจเป็นชื่อใหม่ แต่การทำธุรกิจ โออาร์ ไม่ใช่น้องใหม่  โออาร์ อยู่ในแวดวงธุรกิจน้ำมันมากว่า 40 ปี ตั้งแต่เป็นหน่วยธุรกิจน้ำมันของ ปตท. ถือกำเนิดมาพร้อม ปตท. ตั้งแต่สถานีบริการน้ำมันสามทหาร จนปัจจุบันกลายมาเป็นแบรนด์สถานีบริการน้ำมัน  PTT Station 

 

จากประสบการณ์ทำงานมากว่า 40 ปี ในการทำธุรกิจน้ำมันซึ่งมาจากความตั้งใจที่จะสร้างความมั่นคงทางพลังงาน โดยทำให้คนไทยซึ่งเป็นผู้บริโภคทั้งประเทศมีน้ำมันใช้อย่างเพียงพอและทั่วถึง โออาร์ ได้ลงทุนในธุรกิจที่หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่เข้ามาในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ให้ได้รับความสะดวกสบายครบครัน เพิ่มเติมจากการเติมน้ำมัน

 

ดังนั้น การที่ โออาร์ ประกอบธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการต่าง ๆ เพิ่มขึ้น จึงเกิดเป็นแพลตฟอร์มที่นำธุรกิจ Oil และ Non-Oil  มารวมเข้าด้วยกัน  ซึ่งเป็นรูปแบบทางธุรกิจที่ผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศให้การตอบรับเป็นอย่างดี

 

 

 

 

ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจน้ำมันของ โออาร์ ถือได้ว่ามีความแข็งแกร่งมาก เนื่องจากสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ครองส่วนแบ่งตลาดค้าปลีกน้ำมันเป็นอันดับ 1 ในประเทศกว่า 23 ปีต่อเนื่อง (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562) ด้วยจำนวนสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ทั่วประเทศกว่า 1,900 แห่ง (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2563) ขณะที่อุตสาหกรรมการจำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (Liquefied Petroleum Gas หรือ LPG) ให้กับลูกค้าภาคอุตสาหกรรม ภาคขนส่งและภาคครัวเรือน ภายใต้แบรนด์ก๊าซหุงต้ม ปตท. ก็มีส่วนแบ่งตลาดก๊าซปิโตรเลียมเหลว สำหรับภาคอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือนเป็นอันดับ 1 มาต่อเนื่องกว่า 26 ปี นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์หล่อลื่น ภายใต้แบรนด์ PTT Lubricants ที่มียอดขายเป็นอันดับ 1 ในประเทศอย่างต่อเนื่องกว่า 10 ปี (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562) 

 

 

 

 

ด้านกลุ่มธุรกิจค้าปลีกสินค้าสินค้าและบริการอื่น ๆ โออาร์ เป็นผู้บุกเบิกร้าน Café Amazon โดยเริ่มก่อตั้งธุรกิจมาตั้งแต่ปี 2545 ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนสาขาทั่วประเทศกว่า 3,100 สาขา (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2563) แบ่งเป็นร้านที่อยู่ในสถานีบริการน้ำมัน PTT Station ประมาณ 1,900  สาขา  อีกประมาณ 1,200 สาขาอยู่นอกสถานีบริการน้ำมัน PTT Station และหากนับจำนวนสาขาในต่างประเทศที่มีอยู่อีกจำนวน 10 ประเทศ โออาร์ นับได้ว่ามีจำนวนสาขาร้าน Café Amazon มากเป็นอันดับที่ 6 ของโลก (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562) 

 

นอกจากนี้ โออาร์ ยังได้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ มาเพิ่มความหลากหลายให้ผลิตภัณฑ์และบริการ อาทิ ร้านไก่ทอด Texas Chicken ร้านสะดวกซื้อ Jiffy และศูนย์บริการยานยนต์  FIT Auto เป็นต้น 

 

 

 

 

"รูปแบบธุรกิจของเราไม่ว่าจะอยู่ในประเทศไทย หรือในต่างประเทศ ทั้งสถานีบริการน้ำมัน  PTT Station และร้าน Café Amazon ล้วนแต่ใช้หลักการ “เติบโตไปด้วยกัน” โมเดลคือ โออาร์ จะเป็นเจ้าของเอง โดยลงทุนเองประมาณ 20% ส่วนอีกประมาณ 80% จะเน้นให้เป็นการดำเนินการของดีลเลอร์หรือในรูปแบบแฟรนไชส์ โดยที่ โออาร์ ทำหน้าที่ในการพัฒนาสินค้า บริการ และทำการตลาด ให้รายย่อยเข้ามามีโอกาสเติบโตไปกับเรา"  คุณจิราพร  กล่าว 

 

 

 

 

ส่วนกลุ่มธุรกิจต่างประเทศ โออาร์ นำรูปแบบทางธุรกิจที่ประสบความสำเร็จภายในประเทศ ได้แก่ สถานีบริการน้ำมัน PTT Station ร้าน Café Amazon ร้านสะดวกซื้อ Jiffy และศูนย์บริการยานยนต์ FIT Auto  ไปต่อยอดโดยปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เหมาะกับรูปแบบวัฒนธรรมและพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ  โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นแบรนด์ไทยชั้นนำระดับโลก 

 

สำหรับแผนธุรกิจของ โออาร์ จะให้ความสำคัญในการลงทุนในธุรกิจ Non-Oil  และธุรกิจต่างประเทศมากขึ้น โดยที่ยังเก็บความแข็งแกร่งของธุรกิจน้ำมันไว้อยู่  เพราะเชื่อว่าธุรกิจน้ำมันเป็นแพลตฟอร์มให้ธุรกิจอื่นๆ เข้าไปเติบโตด้วย และส่งผลให้สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงขึ้นด้วย โดยมีแผนขยายสถานีบริการน้ำมัน PTT Station เป็นกว่า 2,500 สถานีทั่วประเทศไทยภายในปี 2568 จากปัจจุบันที่มีอยู่กว่า 1,900  สถานี (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2563)  ส่วนร้าน Café Amazon จะขยายจำนวนสาขาให้เป็นกว่า 5,200  สาขา จากที่มีอยู่ในปัจจุบันกว่า 3,100  แห่ง (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2563) ส่วนในต่างประเทศจะขยายเป็นเท่าตัวจากปัจจุบันมีสถานีบริการน้ำมัน PTT Station 329 สถานี (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2563) จะขยายให้เป็นกว่า 650 สถานีภายในปี 2568  และขยาย ร้าน Café Amazon จาก 272 สาขา (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2563) จะขยายให้เป็นกว่า 550 สาขาภายในปี 2568

 

“เราวางเป้าหมายการขยายสถานีบริการน้ำมัน PTT Station  ปีละกว่า 100 สาขาในประเทศ ส่วนในต่างประเทศจะปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เหมาะกับวัฒนธรรมและพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ  ด้าน Non-Oil  ร้าน Café Amazon ยังมีโอกาสขยายตัวต่อเนื่อง เพราะปัจจุบันผู้บริโภคนิยมบริโภคกาแฟสดมากขึ้น อีกทั้งอัตราการบริโภคกาแฟของคนไทยต่อคนต่อปีที่ประมาณ 1.2 กิโลกรัมนั้น ยังต่ำกว่าต่างประเทศอยู่มาก โดยในบางประเทศมีอัตราการบริโภคที่สูงกว่าถึง 2 เท่าหรือมากกว่า ดังนั้น โออาร์ จึงมองว่าธุรกิจกาแฟยังมีแนวโน้มการเติบโตในอนาคต"   คุณจิราพร  กล่าว 

 

 

 

 

โออาร์ ยังได้เพิ่มความหลากหลายของธุรกิจโดยการลงทุนในธุรกิจใหม่ (New S-Curve) เช่น มีการลงทุนในกลุ่ม “Flash Express” ซึ่งดำเนินธุรกิจอีคอมเมิร์ซแบบครบวงจร อีกทั้งยังร่วมทุนกับกลุ่มเซ็นทรัลขยายธุรกิจร้าน Café Amazon ไปในประเทศเวียดนาม และได้ร่วมทุนกับ พีเบอร์รี่ไทย ซึ่งประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมกาแฟอย่างครบวงจร  รวมทั้งยังมีธุรกิจอื่นที่อยู่ระหว่างการพิจารณาการลงทุนเพื่อเพิ่มความหลากหลายและพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจเพิ่มเติม 

 

นอกจากนี้ โออาร์  เชื่อว่ายังมีโอกาสขายสินค้าอื่น ๆ  ในร้าน Café Amazon  เช่น เบเกอรี่ โดยได้ลงทุนก่อสร้างโรงงานเบเกอรี่ส่วนกลาง โรงงานผงผสมเครื่องดื่ม และศูนย์กระจายสินค้าสำหรับธุรกิจร้าน Café Amazon เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มความสามารถในการทำกำไรและบริหารต้นทุนในส่วนของธุรกิจ Non-Oil  ส่วนด้านธุรกิจผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น PTT Lubricants  ก็อยู่ระหว่างก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าของธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นอัตโนมัติ (Automated Lubricants Distribution Center) เพื่อนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการดำเนินงาน ทำให้ประสิทธิภาพดีขึ้น ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2564   

 

 

 

 

คุณจิราพร กล่าวเพิ่มเติมว่า โออาร์  ได้ตั้งงบลงทุน  5 ปีข้างหน้า (2564-2568)  ไว้กว่า 7.7  หมื่นล้านบาท โดยแหล่งเงินลงทุนส่วนหนึ่ง  จะนำเงินมาจากการเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO)  และอีกส่วนหนึ่งจะมาจากกระแสเงินสดหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ   โดยสัดส่วนการลงทุนจะแบ่งเป็นใช้ลงทุนในธุรกิจน้ำมัน 34% ธุรกิจ Non-Oil  17% ธุรกิจต่างประเทศ 21%  และธุรกิจอื่นๆ   เช่น S-Curve และ M&A  อีกประมาณ 28%  

 

"การผสมผสานการดำเนินธุรกิจ Oil กับ Non-Oil  เป็นจุดแข็งที่จะพา โออาร์ ไปต่อได้อีก  ด้านการขยายธุรกิจไม่ใช่เพียงขยายจำนวนสาขา แต่เป็นการขยายแบบ Inorganic Growth   เช่น การร่วมทุนหาพาร์ทเนอร์ โดยยึดหลักการว่า 1+1 ย่อมมากกว่า 2  จึงเน้นทางด้านการหาพาร์ทเนอร์ โฟกัสธุรกิจ Non-Oil กับธุรกิจต่างประเทศ    ส่วนในประเทศก็ยังมีรูมให้เติบโตทั้งสถานีบริการน้ำมัน PTT Station  และร้าน Café Amazon" คุณจิราพร  กล่าว 

 

ส่วนความคืบหน้าการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ขณะนี้ โออาร์ ได้รับการอนุมัติคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ของ โออาร์ จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) แล้ว  ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้ขึ้นอยู่กับการมีผลบังคับใช้ของแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และหนังสือชี้ชวนของ โออาร์  รวมทั้งสภาวะตลาด

 

ภายหลังการ IPO  ปตท. จะถือหุ้น OR 75% ซึ่ง โออาร์ จะยังมีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ แต่การเป็นรัฐวิสาหกิจก็ไม่ได้เป็นข้อจำกัดในการขยายธุรกิจของ โออาร์ ทั้งในและต่างประเทศ  โออาร์ จะยังต่อยอดผลิตภัณฑ์และบริการ และการพัฒนาศักยภาพของแต่ละกลุ่มธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต  

 

By:อณุภา ศิริรวง 

#โออาร์ #OR #หุ้นโออาร์

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

แนวรบเก็งกำไร By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ แม้สภาพตลาดหุ้นไทย นักลงทุน ยังไม่กลับมา แต่สำหรับแนวรบ หุ้นเก็งกำไร ......

พีทีจี เอ็นเนอยี ส่ง ออโต้แบคส์ เข้าร่วมงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 เตรียมประกาศความพร้อมการแข่งขัน PT Maxnitron Racing Series 2024

พีทีจี เอ็นเนอยี ส่ง ออโต้แบคส์ เข้าร่วมงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 เตรียมประกาศความพร้อมการแข่งขัน PT Maxnitron Racing..

มัลติมีเดีย

NER กางปีก..รับราคายางพาราพุ่ง - สายตรงอินไซด์ - 18 มี.ค.67

NER กางปีก..รับราคายางพาราพุ่ง - สายตรงอินไซด์ - 18 มี.ค.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้