“TVD” ลั่นเดินตามแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี ดันรายได้โตตามเป้า เสริมศักยภาพความแข็งแกร่ง รองรับการรุกตลาดทั้งในและต่างประเทศ

“ทีวีไดเร็ค” มั่นใจรายได้ปีนี้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง หลังเดินหน้าตามแผนยุทธศาสตร์สร้างการเติบโตโดยผนึกพันธมิตรร่วมลงทุน ผสานจุดแข็งรุกธุรกิจโฮมช้อปปิ้งและสยายปีกสู่ธุรกิจค้าปลีกเต็มตัว ชูความพร้อมด้านเงินทุนและแผนธุรกิจรองรับการขยายงาน ดันรายได้เติบโต 20%  และกำไรเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังไตรมาสแรกทำกำไร 18.32 ล้าน จากรายได้รวม 570.99 ล้านบาท

นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการผ่านช่องทางการตลาดที่หลากหลาย (Multichannel Marketing) เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินงานในปีนี้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง หลังจากบริษัทฯ ยึดแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี (2556-2560) ที่มุ่งดำเนินแผนงานใน 4 ด้านได้แก่ เสริมสร้างรายได้อย่างหลากหลายและต่อเนื่อง เสริมสร้างความแข็งแกร่งของฐานะการเงินและการจัดหาแหล่งเงินทุน เสริมสร้างความยั่งยืน และสร้างการเติบโตโดยการร่วมลงทุนกับพันธมิตรและการรวมกิจการ เพื่อผลักดันรายได้ให้ในปีนี้ให้เติบโตตามแผนที่ได้วางไว้

ทั้งนี้ TVD ได้ดำเนินการเพื่อสร้างความเข้มแข็งภายใต้แผนยุทธศาสตร์ดังกล่าว เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในด้านการทำตลาด ซึ่งบริษัทฯ ได้ผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อสร้างโอกาสในการผลักดันรายได้ โดยที่ผ่านมาได้ร่วมทุนกับบริษัท เคเบิล ไทย โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ CTH ดำเนินธุรกิจทีวี โฮมช้อปปิ้ง ผ่านโครงข่ายของ CTH ซึ่งดำเนินการออกอากาศเคเบิลทีวีทั่วประเทศไทย ตลอด 24 ชั่วโมง

ขณะเดียวกัน TVD ยังได้ขยายธุรกิจไปสู่ค้าปลีก เนื่องจากมองเห็นโอกาสการเติบโตจากธุรกิจดังกล่าว โดยได้ร่วมทุนกับบริษัท JML ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกที่มีความเชี่ยวชาญด้าน Screen to Screen จากประเทศอังกฤษ จัดตั้งบริษัท JML Direct (Thailand) เพื่อรุกธุรกิจค้าปลีกในไทย นำเข้าสินค้าและทำตลาดสินค้า Life Style& Living โดยชูจุดแข็งด้านนวัตกรรมสินค้าที่มีคุณภาพเข้ามาช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคให้ดีขึ้น ซึ่งจะวางจำหน่ายผ่านช่องทางห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ทั้ง เทสโก้ โลตัส และแม็คโคร จำนวน 300 แห่งในปีแรกและเพิ่มเป็น 800 แห่งในปี 2557

“การผนึกกับพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจนั้น จะทำให้ทั้ง TVD และพันธมิตร สามารถนำจุดแข็งของแต่ละฝ่าย มาแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ที่ต่างฝ่ายต่างมีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจ มาสร้างความโดดเด่นในการดำเนินธุรกิจ เพื่อรองรับโอกาสการเติบโตของตลาดและพฤติกรรมการจับจ่ายของผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจากความสำเร็จในครั้งนี้จะสะท้อนออกมาให้เห็นถึงอัตราการเติบโตของรายได้และการทำกำไรสุทธิของบริษัทฯ ในปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งอย่างแน่นอน” นายทรงพล กล่าว

นอกจากการสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจแล้ว บริษัทฯ ยังได้สร้างความแข็งแกร่งด้านเงินทุนให้สอดคล้องกับโครงการต่างๆ ตามแผนยุทธศาสตร์ ที่จำเป็นต้องระดมเงินทุนให้เพียงพอสำหรับการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศในครั้งนี้ โดยที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 188 ล้านบาท เป็น 246.75    ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่จำนวน 117.5 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท  ซึ่งหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว จะแบ่งการจัดสรรออกเป็น 2 ส่วนดังนี้
1.จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 94 ล้านหุ้น มูลค่าตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท  เพื่อเสนอขายต่อผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น  ในอัตราส่วน 4 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาเสนอขายหุ้นละ 4.50 บาท (ในกรณีที่มีเศษของหุ้น ให้ปัดเศษของหุ้นนั้นทิ้ง) โดยผู้ถือหุ้นเดิมที่จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนและได้รับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกและเสนอขายในครั้งนี้จะได้รับการจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิครั้งที่ 1 (“ใบสำคัญแสดงสิทธิครั้งที่ 1” หรือ “TVD-W1”) ในอัตราส่วน 4 หุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยไม่คิดมูลค่า
2.จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 23.5 ล้านหุ้น มูลค่าตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท  เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้นสามัญที่ออกใหม่ของบริษัทครั้งที่ 1 (“ใบสำคัญแสดงสิทธิครั้งที่ 1” หรือ “TVD-W1”) ที่ออกและจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมที่จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนและได้รับจัดสรร

ซึ่งหากผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิใช้สิทธิทั้งหมด  บริษัทฯจะได้รับเงินจากการเพิ่มทุนรวมทั้งสิ้น จำนวน 505.25 ล้านบาท ซึ่งสามารถนำไปลงทุนขยายกิจการได้อีกมาก อันจะนำมาซึ่งผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TVD กล่าวว่า บริษัทฯ มั่นใจว่า จากการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ในครั้งนี้ จะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับ TVD ในทุกด้าน ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันและโอกาสการสร้างรายได้และทำกำไรที่ดีขึ้น จึงมั่นใจว่า เป้าหมายรายได้รวมในปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโต 20% หรือคิดเป็นรายได้ 2,222 ล้านบาทจะทำได้ตามเป้าที่วางไว้ หลังจากในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทฯ สามารถทำยอดขายได้ 570.99 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 18.32 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 426.42% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา